ทียูเอฟเดินหน้าตอกย้ำแบรนด์องค์กรในงาน THAIFEX 2015 เน้นแนวคิด The World’s Seafood Expert นำปลาทูน่าพันธุ์ Yellow Fin จากทะเลลึกในมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมปลาแซลมอนและกุ้งลอบสเตอร์นำเข้า จัดโชว์อลังการบนไอซ์บาร์ เน้นให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารปลอดภัยและมาตรฐานสากล เผยร่วมงาน European Seafood Expo มหกรรมอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเป็นปีที่ 12 โชว์แนวคิดด้านนวัตกรรม (Innovation) และแนวทางการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ (Sustainability)
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน หรือทียูเอฟ กล่าวว่า จากการที่ไทยยูเนี่ยนได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ THAIFEX - World of Food Asia ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งทั้งจากลูกค้าและนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ จึงคาดว่าในปีนี้จะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจมากกว่าปีที่ผ่านมา และจะสามารถสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มดีขึ้น
ปัจจุบันมีการตื่นตัวเรื่องความปลอดภัยในอาหาร ผู้บริโภคมีความสนใจที่จะรู้เรื่องราวแหล่งที่มาของอาหารที่รับประทาน ประกอบกับความเป็นจริงที่ว่าทุกคนล้วนต้องการบริโภคอาหารที่ไม่ใช่แต่อร่อยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปลอดภัยได้มาตรฐานและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งในงาน THAIFEX - World of food ASIA 2015 เป็นการรวบรวมธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม เทคโนโลยีการผลิตอาหาร ธุรกิจค้าปลีกและแฟรนไชส์ รวมทั้งธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค
ไทยยูเนี่ยนจึงเข้าร่วมงานนี้เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อเปิดโอกาสการเจรจาธุรกิจกับลูกค้าทั่วโลก พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้บริโภคที่กำลังมองหาวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ภายใต้แนวคิด ‘The World’s Seafood Expert’
โดยในงานนี้เป็นครั้งแรกที่ได้นำปลาทูน่ายักษ์พันธุ์ Yellow Fin ขนาด 1.5 เมตร จากทะเลน้ำลึกในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยปลาทูน่าพันธุ์นี้ที่เป็นพันธุ์ที่บริษัทนำมาผลิตเป็นปลาทูน่ากระป๋องในกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน พร้อมทั้งนำแซลมอนและลอบสเตอร์นำเข้าจากต่างประเทศ มาจัดเรียงบน Ice Bar ให้ได้ชมอย่างใกล้ชิด
พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมบูธของกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ในงาน ThaiFex - World of Food Asia 2015 โดยมีนางศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนและกลุ่มบริษัทในเครือทั่วโลกให้การต้อนรับ
นางศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนและกลุ่มบริษัทในเครือ กล่าวเสริมว่า ในงาน THAIFEX - World of food ASIA 2015 ปีนี้ ทียูเอฟตั้งใจเน้นให้ทั้งคนไทยและต่างชาติรู้ว่าทียูเอฟเป็น The World’s Seafood Expert ด้วยการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสรรหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม โดยวัตถุดิบหลักที่นำมาในงานนี้มาจากหลากหลายแหล่ง เช่น ปลาทูน่าจากมหาสมุทรแปซิฟิก กุ้งลอบสเตอร์จากแคนาดา ฯลฯ
นอกจากนี้ เนื่องจากทียูเอฟมีจุดแข็งในการพัฒนาสินค้า จึงเน้นให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการนำเสนอสินค้าที่เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าและการพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน โดยมีการแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 2 กลุ่มหลักคือ 1.Shelf stable ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ได้ในอุณหภูมิห้อง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกระป๋องหรือถุง และ2.Frozen ผลิตภัณฑ์แช่แข็งต่างๆ ในแบบ ready to eat และ ready to cook
“เราอยากให้คนไทยรู้ว่าทูน่าเป็นปลาจากทะเลน้ำลึกเป็นปลาจากธรรมชาติไม่ใช่จากการเลี้ยง ในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการจึงมีสูงมาก และวิธีการคุมคุณภาพของสดให้ได้มากที่สุดก่อนจะเข้าสู่กระบวนการผลิตในโรงงานที่ใช้เงินลงทุนสูงและความรู้ที่ทันสมัยเพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้ผู้บริโภค”
นางศศินากล่าวอีกว่า งานแสดงสินค้าระดับโลกที่ทียูเอฟให้ความสำคัญไล่ตามลำดับในตอนนี้มี 4 แห่ง ได้แก่ 1. Boston Seafood Show ที่อเมริกา 2.Brussels Seafood Show ที่เบลเยี่ยม 3.Thaifex ที่ไทย และ4.Anuga ที่เยอรมนี ซึ่งการเข้าร่วมงานไทยเฟ็กซ์นอกจากเพื่อการเจรจาธุรกิจกับลูกค้าแล้ว ยังเพื่อการเผยแพร่ให้รู้ว่าทียูเอฟมีฐานธุรกิจอยู่ที่ประเทศไทยและเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรู้จักทียูเอฟมากขึ้น
“ส่วนงานที่บรัสเซลเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาสามารถบรรลุเป้าหมายด้านยอดขาย แต่ลูกค้าใหม่อาจจะน้อยกว่าที่คิดเพราะในช่วงที่จัดงานมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น เช่น การประท้วงในเบลเยี่ยม และค่าเงินยูโรอ่อนตัวจาก 40 กว่าบาทเหลือ 30 กว่าบาท หรือลดลงถึง 20-30 เปอร์เซ็นต์”
ก่อนหน้านี้ นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ กรรมการบริหารและประธานกรรมการบริหารธุรกิจกุ้ง กล่าวถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของทียูเอฟว่า ผู้ประกอบการอาหารทะเลให้ความสำคัญกับงานแฟร์ในโลก 2 งานคือ Boston Seafood Show ที่สหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นในเดือนมีนาคมของทุกปี กับ Brussels Seafood Show ที่เบลเยี่ยมซึ่งถือว่าเป็นงานซีฟู้ดแฟร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป จึงเป็นเหตุผลที่ทียูเอฟเข้าร่วมออกบูททั้งสองแห่ง โดยเป้าหมายของงานนี้นอกจากยอดขายและการหาลูกค้าใหม่ ยังมีอีกเรื่องสำคัญคือการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัท
“สำหรับสินค้าที่ลูกค้าอยากจะเห็นในปีนี้ ตลาดยุโรปมองสินค้าที่เป็น unique มีเอกลักษณ์และมีความเป็นเอเชียมากขึ้น เช่น มีความเป็นไทยมากขึ้น หากเราพัฒนาผัดไทยหรือต้มยำกุ้งต้องให้ได้รสชาติเหมือนที่เขาไปเที่ยวและไปกินที่เมืองไทย นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่ผลิตในยุโรปอยู่แล้ว แต่เพราะค่าแรงสูงขึ้นทำให้เขาพยายามจัดหาจากเอเชียมากขึ้น เช่น กุ้งและปลาแปรรูป ฯลฯ สินค้าบางอย่างที่มีการผลิตขั้นต้น เช่น กุ้งปอกเปลือก เด็ดหัว ผ่าหลัง เพราะเขาไม่ต้องการทำเองเนื่องจากค่าแรงสูง”
นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจกุ้ง (กลาง) บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ (ซ้าย) ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน และ มร.สก็อต โซล่าร์ (ขวา) ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรมกลุ่มไทยยูเนี่ยน ในงานEuropean Seafood Expo Global 2015 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
ในปีนี้กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนได้เข้าร่วมงานดังกล่าวเป็นปีที่ 12 เพื่อแสดงศักยภาพความเป็นบริษัทคนไทยที่มีความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกในเรื่องการผลิต การแปรรูปวัตถุดิบอาหารทะเลที่มีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก ตามหลักมาตรฐานสากล ทั้งแบบบรรจุกระป๋อง (Shelf stable) และแบบแช่เยือกแข็ง (Frozen) โดยสร้างบูธภายใต้แนวคิด “การนำเสนอเรื่องราวของนวัตกรรมทางด้านอาหารทะเล (Innovation) และแนวทางการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจของกลุ่มไทยยูเนี่ยน (Sustainability)” ซึ่งประกอบไปด้วย 5 แนวทาง คือ ความยั่งยืนด้านแหล่งวัตถุดิบ การปฏิบัติที่ดีต่อแรงงาน การปกป้องสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมและความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ และการมีส่วนร่วมพัฒนาและสร้างคุณค่าให้กับชุมชน
งาน European Seafood Expo Global 2015 นี้ จัดขึ้น 3 วัน เป็นงานแสดงสินค้าอาหารทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 1,761 รายจาก 72 ประเทศทั่วโลก และมีผู้เข้าชมงานกว่า 25,000 คน ในปีนี้ยอดขายในการเจรจาธุรกิจภายในงานเพิ่มขึ้น 20% เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 500 ล้านบาท คาดว่าน่าจะทำยอดขายได้กว่า 400 ล้านบาท
สำหรับผลพวงจากปัญหาเศรษฐกิจของอียูกับทียูเอฟ ในส่วนของปลาทูน่าและปลาซาร์ดีนไม่ได้รับผลกระทบ เพราะไม่ใช่สินค้าราคาแพงจึงสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ส่วนกุ้งเนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเกิดปัญหาโรค EMS หรือโรคตายด่วนทำให้ผลผลิตลดลง ขณะที่ราคาในช่วงสองปีเพิ่มเป็นสองเท่า จึงส่งผลต่อการขาย แต่อย่างไรก็ตาม อาหารเป็นกลุ่มสินค้าจำเป็นจึงกระทบน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าอื่น
อย่างไรก็ตาม สิ่งท้าทายในวันนี้ของสินค้าอาหารทะเลจากไทยสำหรับตลาดยุโรปคือการถูกโจมตี เช่น การกล่าวหาในเรื่องแรงงานและการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง เราเป็นเป้าโจมตีไม่ใช่แค่ยุโรปแต่ลามไปสหรัฐที่จะมีการพิจารณาเรื่องเทียร์สามของไทย เขาแสดงความไม่พอใจ กล่าวหาว่าเราไม่แก้ไขปัญหาแรงงาน การค้ามนุษย์ และสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง”
“ถ้าพูดอย่างเป็นธรรมในช่วงปีสองปีนี้เห็นการนำแรงงานต่างชาติมาขึ้นทะเบียน 1.6 แสนคนภายในหนึ่งเดือน ส่งสัญญาณว่ามีการทำอย่างจริงจัง มีขั้นตอนแบบวันสตอปเซอร์วิสทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงและรวดเร็วขึ้น เดิมต้องไปถึง 5-6 หน่วยงานกว่าจะทำได้”
“ในด้านการค้าตอนนี้แม้ยังไม่กระทบ แต่ลูกค้าทั้งหมดส่งสัญญาณแล้วว่าถ้าไม่แก้ไขจะต้องไปซื้อที่อื่น ทั้งที่เขาชอบสินค้าไทยมาก แต่เมื่อโดนเรื่องนี้ก็รับไม่ได้ เพราะเขาเป็นบริษัทใหญ่เมื่ออะไรมากระทบชื่อเสียงเขาแคร์มาก”
“การกล่าวหามีมาสอง-สามปีแล้ว วันนี้ต้องช่วยกัน เราทำเรื่องนี้ชัดมาก มี code of conduct เราเน้นการทำงานกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด เรื่องนี้เป็นเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศไทย เมื่อเขาโจมตีประเทศไทยและเราอยู่ในไทยเราโดนด้วย แต่หลักการคือเราทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิดเพราะเราค่อนข้างรู้ข้อมูลที่เป็นต้นเหตุ เรารู้ความต้องการของลูกค้าเพราะเรามีบริษัททั่วโลก เชื่อว่าระยะเวลาที่ให้หกเดือนจะสามารถแก้ปัญหาได้”
ทั้งนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ เป็นผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก โดยมียอดขายกว่าหนึ่งแสนล้านบาทต่อปี (3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศ เช่น Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, Century , King Oscar และ แบรนด์ที่จำหน่ายภายในประเทศไทย เช่น ซีเล็ค ฟิชโช และเบลลอตต้า รวมทั้ง เป็นภาคีข้อตกลงระดับโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น โกลบอล คอมแพค
