เสียงเพลงช่วยให้คุณออกกำลังกายได้ดีขึ้นจริงหรือ?

ปัจจุบันเราจะพบว่าผู้คนให้ความสนใจกับการออกกำลังกายกันมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์การรักษาสุขภาพกำลังเป็นที่นิยม ในขณะเดียวกันเราก็จะเห็นการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆแพร่หลายอยู่มากมาย โดยเฉพาะตามอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีให้ผู้รักสุขภาพได้เลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ การออกกำลังกายด้วยเสียงเพลง ก็เป็นกิจกรรมในการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความสนใจสนใจจากผู้รักสุขภาพจำนวนไม่น้อย เช่น การเต้นแอโรบิค กิจกรรมที่เราจะได้เคลื่อนไหวร่างกายไปตามจังหวะของเสียงเพลงที่คอยสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้ออกกำลังกายมีความตื่นตัว และเกิดความสนุกสนาน

แต่การออกกำลังกายด้วยเสียงเพลงไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการเต้นแอโรบิคเท่านั้น หลายครั้งที่เราเหลือบสายตาไปเห็นคนปั่นจักรยาน หรือวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า ในขณะที่มีหูฟังติดอยู่ที่หูเสมอ แสดงให้เห็นว่าเสียงเพลงสามารถควบคู่ไปได้กับทุกกิจกรรมเพื่อสุขภาพ เพราะนอกจากเสียงเพลงช่วยให้เกิดความเพลิดเพลินและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในขณะออกกำลังกายได้แล้ว ประโยชน์ที่หลายๆคนยังไม่รู้นั่นคือ เสียงเพลงที่เราฟังขณะออกกำลังสามารถกระตุ้นให้เราออกกำลังกายได้อึดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!!!

จากผลการวิจัยในหลายๆสำนัก ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าการฟังเพลงในขณะออกกำลังกายนั้นไม่เพียงแต่ส่งผลต่ออารมณ์ของผู้ฟังเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้เราสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ฟังเพลงขณะออกกำลังกาย หากเราเลือกเพลงไปปรับใช้กับการออกกำลังกายของผู้รักสุขภาพได้อย่างเหมาะสม โดยมีหลักเกณฑ์ในการเลือกเพลงสำหรับออกกำลังกาย ดังนี้

1.จังหวะของเพลง
จากผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบรูเนล ในอังกฤษ พบว่า เพลงที่เหมาะกับการกระตุ้นให้คนออกกำลังกายจะต้องเป็นเพลงที่มีจังหวะความเร็วประมาณ 120-140 บีทต่อนาทีเนื่องจากช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เราเกิดความรู้สึกอยากออกกำลังกายได้ แต่ในกลุ่มคนที่เป็นโรคอ้วน หรือมีปัญหาเรื่องหัวใจ ควรเลือกใช้เพลงที่มีจังหวะช้า เช่นเพลงแจ๊ส หรือเพลงคลาสสิค ก็จะช่วยลดการทำงานของหัวใจ ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานมากขึ้น

2. เนื้อเพลง
ในการเลือกเพลงออกกำลังกาย เราอาจจะเลือกเพลงที่เราชื่นชอบและร้องได้ เพราะการฟังเพลงที่เราสามารถร้องคลอตามไปด้วยได้จะดีกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว เพราะการร้องเพลงขณะออกกำลังกายจะช่วยทำให้เรามีสมาธิ จดจ่อกับการร้องเพลง และเพลิดเพลินไปกับเนื้อร้องจนทำให้ลืมความเหนื่อยไปชั่วขณะ แต่อย่างไรก็ตามเพลงที่เราชื่นชอบนั้นก็ควรเลือกเป็นเพลงที่มีเนื้อร้องที่สร้างสรรค์ อาจจะเป็นเพลงบรรเลงที่มีจังหวะช้าๆ หรือใช้เสียงธรรมชาติก็ได้ เพราะเพลงที่มีเนื้อหาสร้างสรรค์จะช่วยให้อารมณ์และจิตใจของเรารู้สึกสงบ และผ่อนคลาย ไม่ควรใช้เพลงเศร้า หรือเพลงอกหัก ผิดหวัง เพราะจะลดความสามารถในการออกกำลังกายของเรา

3.ความดังของเสียงเพลง
ความดังของเพลงมีผลต่อการทำงานของหัวใจ เนื่องจากเสียงเพลงที่ดังจะกระตุ้นให้ร่างกายของเราเกิดการตื่นตัว แต่ควรระวังการเปิดเพลงที่เสียงดังมากเป็นระยะเวลานานในขณะออกกำลังกาย เพราะนอกจากจะทำให้หัวใจทำงานหนักเป็นเวลานานแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพหูอีกด้วย ดังนั้นจึงควรเพิ่มหรือลดระดับเสียงเพลงให้มีความเหมาะสม โดยในช่วงเริ่มออกกำลังกายเราอาจจะเปิดเพลงดังขึ้นสักหน่อยเพื่อช่วยกระตุ้นร่างกายของเราให้ตื่นตัว แล้วค่อยๆลดระดับความดังลง เพื่อไม่ให้หัวใจทำงานหนักเกินไป และเมื่อถึงช่วงผ่อนคลายร่างกาย หรือที่เราเรียกว่า คูล ดาวน์ (cool down) ก็ควรลดระดับเสียงเพลงให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อช่วยให้เรารู้สึกสงบ และผ่อนคลาย

จะเห็นได้ว่าเพลงมีอิทธิพลต่อการออกกำลังกายของเราไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากจะทำให้จิตใจเราสดชื่น เบิกบานแล้วยังช่วยกระตุ้นให้เราออกกำลังกายได้นานขึ้นซึ่งมีผลทำให้ระบบการทำงานของร่างกายโดยเฉพาะหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตมีความแข็งแรง ซึ่งส่งผลให้สมรรถภาพของร่างกายทุกอย่างก็จะดีขึ้นด้วย

ดังนั้น สำหรับใครที่รักสุขภาพ ชื่นชอบการออกกำลังกาย หรือใครที่กำลังคิดอยากจะเริ่มออกกำลังกาย สร้างสุขภาพที่แข็งแรงให้กับตัวเอง และครอบครัว ลองชวนกันมาร่วมพิสูจน์ประสิทธิภาพของการออกกำลังด้วยเสียงเพลงกันในงาน“เดอะ มิวสิค รัน บาย เอไอเอ (The Music Run by AIA)”มหกรรมการวิ่งแบบอินเตอร์แอคทีฟครั้งแรกในประเทศไทยซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 ณ บริเวณสวนหลวง ร.9

โดยผู้เข้าร่วมงาน “เดอะมิวสิค รัน บาย เอไอเอ” จะได้ร่วมวิ่งไปบนเส้นทางระยะ 5 กิโลเมตร ผ่านโซนดนตรีที่จัดขึ้นไว้แตกต่างกันถึง 5 โซน ทั้งแนวร็อค พ็อพ เรโทร ดนตรีท้องถิ่นและแดนซ์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้ออกกำลังกายและก้าวไปตามจังหวะเพลงโดนๆ

ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรม ลงทะเบียนได้ที่ http://www.themusicrun.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บัตรร่วมงานราคาปกติใบละ 700 บาท สมาชิกรับสิทธิ์พิเศษ ส่วนลด 10% เมื่อลงทะเบียนโดยใช้รหัสจากเอไอเอ ซึ่งจะได้รับเมื่อคลิกไลค์เฟซบุ๊คใหม่ของเอไอเอ www.facebook.com/ThailandAIA และกดแชร์ในเฟซบุ๊คของตนเองการชำระเงินดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ พร้อมกับได้รับสิทธิ์ในการโหวตเลือกเพลงโปรด โดยผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานทุกท่านจะได้รับชุดอุปกรณ์การวิ่ง ได้แก่ เสื้อ Dri-Fit ของงาน The Music Run by AIA พร้อมถุงบรรจุของที่ระลึกอื่นๆ อีกมากมาย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์: http://www.themusicrun.com หรือติดตามข่าวสารบนเฟซบุ๊คhttp://www.facebook.com/themusicrunTH และhttp://www.twitter.com/themusicrunTBKK

เกี่ยวกับ The Music Run™
เดอะมิวสิค รัน (The Music Run™) เป็นประสบการณ์การวิ่งใหม่ล่าสุดแบบอินเตอร์แอคทีฟบนเส้นทางระยะ 5 กิโลเมตร กรรมสิทธิ์ของ บริษัทเฟรช อีเว้นท์ส โกลบัล และดำเนินงานเผยแพร่โปรโมทโดยบริษัท เอ็กซีด สปอร์ตส์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์

เส้นทางวิ่งของเดอะมิวสิค รัน ประกอบด้วยโซนดนตรี 5 โซน ตลอดเส้นทางระยะ 5 กิโลเมตร โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานเลือกเพลงได้เอง โดยโหวตผ่านระบบออนไลน์เพื่อเลือกดนตรีที่ชื่นชอบที่สุดซึ่งจะนำมาเปิดในการวิ่งจริงในวันงาน

เดอะมิวสิค รันเป็นการวิ่งแบบ Fun Run ที่ไม่มีการแข่งขันและไม่จับเวลา ผู้เข้าร่วมงานจึงไม่ต้องฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด ด้วยองค์ประกอบทั้งดนตรีการวิ่งและการได้มีส่วนร่วมทำให้เดอะมิวสิค รัน เหมาะสำหรับนักวิ่งทุกรุ่นทุกวัย เน้นความสนุกสนานและการวิ่งอย่างมีความสุขควบคู่ไปกับการฟังดนตรีซึ่งผู้เข้าร่วมวิ่งเป็นผู้เลือกเอง

เดอะมิวสิค รัน เปิดตัวครั้งแรกในโลกและได้รับความสำเร็จอย่างสูง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา และเตรียมเปิดตัวในประเทศอื่น ๆ ต่อไป สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.themusicrun.com