"ไอคอนสยาม" สัญลักษณ์ใหม่ประเทศไทย เมืองแห่งความรุ่งโรจน์ ดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ประกาศเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับอภิมหาโปรเจกต์อย่างโครงการ"ไอคอนสยาม" ที่นับว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่ามากถึง 50,000 ล้านบาท
แน่นอนว่า การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลขนาดนี้ อีกทั้งภายในโครงการยังประกอบด้วยหลายส่วน การร่วมทุนกับพันธมิตรจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการร่วมทุนกันครั้งนี้ เป็นการจับมือของกลุ่มทุนที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงิน และสำคัญที่สุดไม่แพ้กัน คือเป็นกลุ่มทุนที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในโครงการ "ไอคอนสยาม"ด้วย
นั่นจึงเป็นที่มาของการจับมือของ 3 พันธมิตรที่ยิ่งใหญ่อย่างกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารสยามพารากอน บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อถือกำเนิดโครงการ "ไอคอนสยาม" ที่นางชฏาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธณ์ บอกว่า โครงการ "ไอคอนสยาม" จะเป็นเมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ และเป็นการสร้างสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย อีกทั้งจะเป็นศูนย์รวมแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ
ความร่วมมือกันของ 3 พันธมิตร เป็นการแบ่งหน้าที่การบริหารจัดการอย่างลงตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการให้เกิดขึ้นตามเป้าหมายที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการในราวปี 2560 ซึ่งจะทำให้คนทั่วโลกรู้จัก "ไอคอนสยาม"อย่างรวดเร็วขึ้น เพราะบริษัท สยามพิวรรธน์ มีจุดเด่นในแง่ของการมีความเชี่ยวชาญในการบริหาร โครงการ Mixed-use development ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ จนประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก
ขณะที่บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่มีชื่อเสียง ผู้อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมครบวงจรสำหรับโครงการที่พักอาศัยระดับบนมากมาย เช่น โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ส่วนเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นบริษัทชั้นนำของไทยที่มีการลงทุนในระดับโลกและยังได้รับการยอมรับในระดับโลกด้วย
นางชฎาทิพ กล่าวว่า "ไอคอนสยามจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศไทยในการเนรมิตโครงการที่ยิ่งใหญ่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ และตื่นตาตื่นใจที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย เพราะ"ไอคอนสยาม"จะเป็นสถานที่ที่จะดึงดูดคนไทยทั่วประเทศและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากเรากำลังจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ของคำว่าล้ำเลิศในทุกมิติ จะเป็นการสร้าง Paradigm ใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ รวบรวมทุกสรรพสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นที่สุดแห่งการอยู่อาศัย สินค้าและบริการที่ครบครัน นวัตกรรมในการอำนวยความสะดวกสบายและการสื่อสารที่ล้ำยุคอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน "ไอคอนสยาม"จะเป็นหัวใจสำคัญที่จะจุดประกายความเรืองรองของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ชาวโลกชื่นชมให้สว่างไสวไปทั่วโลกอีกครั้ง”
ขณะเดียวกัน "ไอคอนสยาม"จะกลายเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อการคมนาคมทางน้ำกับโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมในระบบอื่น ประกอบด้วย 2 สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน กับอีก 3 โครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำในอนาคต ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าสายสีเขียว (บีทีเอส) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง นอกจากนี้"ไอคอนสยาม"จะสร้างท่าเรือสาธารณะ 2 ท่า ท่าเรือส่วนบุคคล 1 ท่าในพื้นที่โครงการ เพื่อเชื่อมต่อกับอีก 73 ท่าเรือในรัศมี 10 กิโลเมตรบนแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเรือกว่า 650 เที่ยวต่อวัน และจะมีเรือ Ferry Boat รับส่งอีก 6 ลำ และบริการรถ Shuttle Bus รับส่งระหว่างโครงการกับสถานีรถไฟฟ้าธนบุรีด้วย
ภายใน"ไอคอนสยาม" ประกอบด้วย 2 อาณาจักรศูนย์การค้า บนพื้นที่ 525,000 ตารางเมตร ติดถนนเจริญนคร กว่า 500 ร้านค้าหรู อาคารที่พักอาศัยริมแม่น้ำระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ 70 ชั้น 1 อาคาร และ 40 ชั้นอีก 1 อาคาร มูลค่า 12,000 ล้านบาท รวมถึงมีศูนย์การประชุมระดับโลก 3,500 ที่นั่ง ซึ่งสามารถจัดการประชุมนานาชาติ งานสำคัญของรัฐบาล งานแสดง Trade Exhibition ที่จะหมุนเวียนมาจากประเทศต่างๆ รวมทั้งสามารถรองรับโชว์อลังการจากบรอดเวย์และลอนดอนอย่างเต็มภาคภูมิ
นอกจากนี้ ยังมี 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่ง"ไอคอนสยาม" ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย รวมถึงจะมีการแสดงสายน้ำผสมผสาน แสง สี เสียงไฟ และมัลติมีเดียที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 400 เมตร ด้วยงบลงทุนราว 10,000 ล้านบาท และพิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์และสุดยอดภูมิปัญญาของไทย
ด้านนางสาวทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “Magnolias Waterfront Residences ใน"ไอคอนสยาม"เป็นโครงการที่พักอาศัยเหนือระดับ ที่อยู่แถวหน้าของโลก ซึ่งจะสร้างมาตรฐานใหม่ของโครงการที่พักอาศัยในประเทศไทย ในแง่คุณภาพและความหรูหราที่สามารถติดต่อสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับชุมชนโลก ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารระบบไฟเบอร์ออพติคที่ให้ความเร็วสูงสุดแห่งแรกในประเทศไทย FTTX (Fiber to Home) และจะกลายเป็นหนึ่งในโครงการที่พักอาศัยที่มีคุณภาพสูงและดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อตอบสนองและรองรับการใช้ชีวิตในอนาคต และเปิดโอกาสให้ผู้พักอาศัยเป็นส่วนหนึ่งกับชุมชนโลกแบบไร้รอยต่อ รองรับชุมชนนานาชาติที่กำลังขยายตัว ทุกองค์ประกอบในโครงการล้วนถูกออกแบบโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพ ความสะดวกสบาย และการบริการให้อยู่ในระดับสูงสุดเช่นเดียวกับการพักอาศัยในลอนดอน โตเกียว หรือ นิวยอร์ก”
โครงการได้รับการออกแบบที่ดึงเอาเอกลักษณ์และศิลปะอันล้ำค่าของไทยมาผสมผสานกับโมเดิร์นดีไซน์ที่เรียบหรูและลงตัว อยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งสองอาคารถูกออกแบบด้วยความใส่ใจเป็นพิเศษกับทุกแง่มุมที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต (well-being) ความยั่งยืน (sustainability) และคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด ซึ่งออกแบบให้ผู้พักอาศัยได้สัมผัสธรรมชาติแบบ resort home มีพื้นที่สีเขียวเกือบ 70% ผู้อยู่อาศัยสามารถสัมผัสได้ทันทีที่เข้าถึงโครงการ และยังมีสวนที่ออกแบบให้เป็น pocket garden เพื่อความเป็นส่วนตัว ในขณะที่ยังคงเอื้อประโยชน์กับชุมชนโดยการเชื่อมต่อทางเดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นประโยชน์กับคนทั่วไปในขณะที่ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัยในโครงการ
ส่วนนายณรงค์ เจียรวนนท์ ผู้ช่วยอาวุโสประธานกรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มั่นใจว่า"ไอคอนสยาม"จะเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เป็นโครงการระดับโลกที่รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลกเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของกรุงเทพฯเพื่อดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกเข้ามาพำนักท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอยในประเทศไทย จะเป็นการเสริมศักยภาพให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและของโลก