ศรีสะเกษ - “พล.ท.อดุลย์” รมช.กลาโหม บุก รพ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ เยี่ยมทหารบาดเจ็บจากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำการปฏิบัติการของกองทัพไทยเป็นไปตามหลักสากล โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร ยันเชื่อมั่น “บิ๊กเติ่ง” แม่ทัพภาคที่ 2 บัญชาการรบหลัก มีประสบการณ์สูง เชี่ยวชาญพื้นที่
วันนี้ (9 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมอาการกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้กำลังใจทีมแพทย์-พยาบาลที่ต้องทำงานแข่งเวลากลางเสียงปืนที่ยังดังต่อเนื่องเป็นระยะ
บรรยากาศที่โรงพยาบาลเป็นไปอย่างตึงเครียด แต่เต็มไปด้วยการทำงานอย่างมืออาชีพของทีมแพทย์ร่วมสังกัด ทั้งโรงพยาบาลกันทรลักษ์ และทีมแพทย์ทหารจากโรงพยาบาลค่ายสุรนารี รวมถึงโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ที่เร่งรับผู้บาดเจ็บจากแนวปะทะตลอดทั้งวันและคืนที่ผ่านมา
สำหรับผู้บาดเจ็บกลุ่มอาการไม่รุนแรง (สีเขียว) ที่เข้ารับการรักษา มีดังนี้ จ่าสิบเอก ประมุข นกยุง อายุ 34 ปี มีอาการชักเกร็งจากแรงระเบิด แพทย์ดูแลใกล้ชิด อาการปลอดภัย และ พลทหาร ธีรภัทร อุทัยนอก อายุ 27 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดด้านซ้าย แผลไม่ลึก อาการปลอดภัยเช่นกัน
พล.ท.อดุลย์เปิดเผยหลังการตรวจเยี่ยมว่า สถานการณ์ชายแดนเกิดจาก “การคุกคามอย่างต่อเนื่อง” ทำให้ฝ่ายไทยมีทหารบาดเจ็บและสูญเสีย ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันว่าการปฏิบัติของกองทัพไทยเป็นไปตามหลักสากลทั้งหมด และโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
รมช.กลาโหมยังกล่าวให้ความเชื่อมั่นว่า พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์หลัก มีประสบการณ์สูง รู้พื้นที่ละเอียด และกำลังควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งย้ำให้ดูแลความปลอดภัยของทั้งกำลังพลและประชาชนเป็นลำดับแรก ด้านการแพทย์ ยืนยันว่ามีความพร้อมสูงสุดในการรองรับกรณีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก โดยระดมแพทย์เฉพาะทาง พยาบาล และเจ้าหน้าที่จากหลายจังหวัดทำงานตลอด 24 ชั่วโมงไม่เว้นวันหยุด
ขณะเดียวกัน ศูนย์พักพิงในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี รายงานว่ามีความพร้อมดูแลประชาชนที่อพยพจากแนวชายแดน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เด็กเล็ก และนักเรียนที่ต้องหยุดการเรียนชั่วคราว มีการจัดกิจกรรมเสริมทักษะและสันทนาการเพื่อบรรเทาความเครียดจากสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังคงยืดเยื้อ


