xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลย้ำใช้เครื่องบินรบเพื่อสกัดเขมรโจมตีรุกรานก่อน ทำทหารไทยเจ็บ-ดับ ตอบโต้ได้สัดส่วนตามหลักสากล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐบาลย้ำไทยใช้เครื่องบินรบเพื่อสกัดกั้นการโจมตีของกัมพูชาที่รุกรานก่อน จนเป็นเหตุให้ทหารไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต ตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองตามกฎการปะทะ อย่างได้สัดส่วน ตามหลักสากล ย้ำลำดับเหตุปะทะป้องกันการนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อน

วันนี้ (8 ธันวาคม 2568) เวลา 15.30 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงลำดับเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันการนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อน โดยยืนยันข้อเท็จจริงทั้งหมดชี้ชัด กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากใช้อาวุธหนักก่อน เหตุทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและต่อมามีผู้เสียชีวิต ไทยจึงจำเป็นต้องปฏิบัติการป้องกันตนเองตามสิทธิที่พึงมีของรัฐอธิปไตย และเป็นไปตามหลักสากลทุกประการ

โฆษกฯ ระบุว่า เพื่อลดความสับสนและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลไทยขอเรียงลำดับเหตุการณ์การปะทะบริเวณภูผาเหล็ก และพลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่เริ่มโดยฝ่ายกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ดังนี้

วันที่ 7 ธันวาคม 2568
- เวลา 14.15 น. หน่วย พัน.ร.13 (ฉก.1) ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ถูกทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงด้วยอาวุธปืนเล็กใส่ฝ่ายไทยก่อน จนส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย ได้แก่ ส.อ.อนุชาติ เรือนคำ และ พลฯ พรชัย จำปาจุม
- เวลา 14.16 น. ฝ่ายไทยจำเป็นต้อง ตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองตามกฎการปะทะ (Rules of Engagement: ROE) โดยใช้อาวุธตามสัดส่วนและความจำเป็น ขณะเดียวกันฝ่ายกัมพูชาได้ยกระดับการใช้อาวุธ โดยใช้ อาวุธต่อสู้รถถัง (ปรส.) ยิงใส่ฝั่งไทย แม่ทัพภาคที่ 2 จึงได้สั่งให้ทุกหน่วยเพิ่มระดับความพร้อมเต็มรูปแบบทันที
- เวลา 14.50 น. หน่วยปฏิบัติการยังคงเฝ้าระวังภัยอย่างใกล้ชิด และรักษาความพร้อมด้านการป้องกันในระดับสูงสุด จากนั้นในเวลา 14.53 น. เจ้าหน้าที่ลำเลียงทหารบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาโดยเร่งด่วน
- โดยในเวลา 16.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีได้สั่งเสริมกำลังและเตรียมแผนอพยพประชาชน พร้อมสั่งการให้กองทัพเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยตลอดแนวชายแดน เร่งเปิดจุดรองรับและขนย้ายประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยนายกรัฐมนตรียังได้ย้ำว่า ไทยไม่ต้องการความรุนแรง แต่จะไม่ยอมให้ใครละเมิดอธิปไตยอย่างเด็ดขาด

วันที่ 8 ธันวาคม 2568
- เวลา 03.00 น. กัมพูชากำหนดเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนมายังฝั่งไทยในพื้นที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์
- เวลา 05.00 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงมายังแนวการวางกำลังของฝ่ายไทยในพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายไทยทำการยิงตอบโต้ตามกฎการปะทะ
- 06.00 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงวิถีโค้งระดมยิงต่อฝ่ายไทยในพื้นที่ช่องอานม้า

โดยจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันนี้ กัมพูชาได้ริเริ่มยิงใส่ฝ่ายไทยก่อนในหลายพื้นที่ และเริ่มหนักขึ้นในช่วง 05.00 น. เป็นต้นมา โดยมีการใช้อาวุธหนัก ซึ่งเป็นเหตุให้ทหารไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้โดยใช้เครื่องบินรบโจมตีที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชา เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตของกำลังพลฝ่ายไทย และเป็นไปตามกฎการใช้กำลังอย่างเหมาะสมตามหลักสากล

โฆษกฯ ย้ำว่า ประเทศไทยยึดมั่นในสันติวิธีเสมอมา และให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในภูมิภาค แต่ในกรณีนี้ กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มใช้อาวุธก่อน จนทำให้เกิดการสูญเสียกับทหารไทย ไทยจึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย ปกป้องกำลังพล และรักษาความมั่นคงตามสิทธิอันชอบธรรมของชาติ การปฏิบัติของฝ่ายไทยทั้งหมดเป็นไปตามกฎการใช้กำลังระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และการตอบโต้ตามสัดส่วน (Proportionate Response)

โฆษกฯ ระบุเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำชัดเจนว่า “ไทยต้องการสันติภาพ แต่จะไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตยไทย และพร้อมดำเนินการทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องประเทศและประชาชน” พร้อมกันนี้ ไทยยังคงดำเนิน ช่องทางการทูตควบคู่การปฏิบัติการภาคสนาม เพื่อป้องกันสถานการณ์บานปลาย และเพื่อคงไว้ซึ่งสันติภาพตามหลักการที่ไทยยึดถือ ทั้งนี้ รัฐบาลไทยขอให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศนำเสนอข่าวอย่างครบถ้วนตามข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และทำให้ไทยถูกมองว่าเป็นผู้รุกราน ทั้ง ๆ ที่ไทยเป็นผู้ถูกรุกรานจากฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอด


กำลังโหลดความคิดเห็น