xs
xsm
sm
md
lg

ลือกระฉ่อน-ชาวบ้านสงสัย “นอมินีทุนจีน”!? ซื้อที่ปลูกทุเรียนริมน้ำลี้ ด้านสาวใต้เปิดอกยันลงทุนเองหมด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลำพูน - ชาวบ้านโฮ่งสงสัย..นอมินีทุนจีน กว้านซื้อที่ ส.ป.ก.-ป่าเสื่อมโทรมแปลงงามริมน้ำลี้ลุยปลูกทุเรียน ขณะที่สาวใต้เจ้าของสวนเปิดอกโต้ ยันครอบครัวทำสวนยางฯ-ปาล์ม-ทุเรียน ทั้งสุราษฎร์/ชุมพร/ประจวบฯ ลงทุนซื้อที่ลำพูน แต่มะม่วง-ลำไยราคาตกไม่เคยได้กำไร ตัดสินใจโค่นทิ้งทุ่มทำทุเรียนหวังพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย


ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอบ้านโฮ่งได้ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่านายทุนจากจีนให้คนไทยเป็นนอมินีกว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก.และที่ดินป่าเสื่อมโทรม พื้นที่บ้านแม่หาด ต.ป่าพูล อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน หลายร้อยไร่เพื่อปลูกทุเรียน ซึ่งอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องแหล่งที่มาเงินทุนการทำสวนทุเรียน การบุกรุกพื้นที่ป่า เอกสารการครอบครองที่ดิน เป็นต้น

เมื่อผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ากำลังมีการปรับพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นเนินเขาจนโล่งเตียนสุดลูกตาและมีการวางท่อส่งน้ำปลูกต้นทุเรียนตามเนินเขา นอกจากนี้บริเวณปากทางเข้าสวนยังก่อสร้างอาคารหลังใหญ่คาดเป็นบ้านพัก นอกจากนี้ยังมีการปักเสาไฟฟ้าเรียงรายไปตามทางภายในสวนลักษณะคล้ายกับรองรับการก่อสร้างบ้านพัก ไม่เหมือนสวนเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่

ฝั่งตะวันตกของพื้นที่ยังพบคนงานกำลังใช้รถแบ็กโฮขุดอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ส่วนฝั่งตะวันออกของสวนติดกับน้ำลี้ ทิศตะวันตกติดกับภูเขาขนาดใหญ่ มีสวนลำไย กับสวนมะม่วงอยู่รอบๆ ซึ่งพื้นที่แปลงนี้คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ นับว่าเป็นที่ที่สวยตามหลักความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย

ด้านนางสาววชิรดา หรือแอน ได้ให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นเจ้าของสวนทุเรียนแห่งนี้ ยืนยันไม่มีเงินทุนจากจีนมาลงทุนที่สวนแห่งนี้ตามกระแสข่าวที่เล่าลือกัน ก่อนหน้านี้พ่อได้ทำสวนยางพาราที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และมีสวนอยู่ที่ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ยังมีสวนทุเรียน สวนปาล์มน้ำมันที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พอเรียนจบก็มาช่วยครอบครัวดูแลกิจการสวนเกษตร จนมีความผูกพันกับการทำเกษตร

เมื่อมีโอกาสได้เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ก็ได้ซื้อสวนมะม่วง สวนลำไย ไว้หลายแปลงเพื่อทำการเกษตรและปลูกเมลอน ส่วนที่แปลงนี้ได้มีโอกาสมาเที่ยวกับเพื่อนแล้วพบกับคุณลุงคนหนึ่งแนะนำว่าแถวบ้านแม่หาดมีที่ดินแปลงสวยๆ ติดกับแม่น้ำลี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสวนมะม่วงกับสวนลำไย แต่จะเป็นที่แปลงเล็กๆ 3-5 ไร่ จึงทยอยซื้อที่สะสมไว้ระยะเวลา 1 ปีกว่าจนได้ที่ดินผืนดังกล่าวพื้นที่ประมาณ 30 ไร่


แต่ช่วงฤดูเก็บมะม่วงและลำไยผลผลิตราคาตกต่ำจึงตัดสินใจล้มต้นมะม่วง ต้นลำไยออกทั้งหมด หันมาปลูกทุเรียน 400 ต้นเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีความรู้และประสบการณ์อยู่แล้ว และด้วยสภาพที่ดินแปลงสวยอยู่แล้วในอนาคตก็อาจจะมีการต่อยอดปรับเป็นสวนเกษตรเชิงท่องเที่ยว

สวนทุเรียนแห่งนี้ตนลงทุนทั้งการปรับหน้าดิน วางระบบน้ำ ปลูกต้นทุเรียน หลักล้านบาท ยืนยันว่าเป็นเงินทุนของครอบครัว ซึ่งการทำสวนเกษตรแบบครบวงจรต้องมีการวางระบบให้ดีเพื่อที่จะนำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนการจ้างแรงงานในอนาคตจึงทำให้ดูเหมือว่าเป็นทุนใหญ่ทุนจีนมาลงทุน

“ที่ดินทั้งหมดจะมีอยู่หลายแปลง บางแปลงเป็นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ แต่เป็นที่ดินที่สามารถทำกินได้ สามารถซื้อขายกันได้ปกติ ก่อนหน้านี้ชาวบ้านในพื้นที่ก็ซื้อขายที่ดินแบบนี้อยู่แล้ว บางแปลงเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ที่จริงๆ ไม่สามารถซื้อขายได้ แต่กฎหมายใหม่นี่ยังไม่รู้เพราะไม่เคยครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เพราะส่วนใหญ่เคยซื้อแต่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ”

อย่างไรก็ตาม เจ้าของสวนทุเรียนริมน้ำลี้ ยืนยันว่าผู้ใหญ่บ้านได้ออกหนังสือรับรองว่าที่ดินทั้งหมดที่ซื้อมาไม่ได้อยู่ในเขตป่า แต่อยู่ในเขตที่มีการอนุญาตให้ทำกินได้ ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านทำกินมานานกว่า 20 ปี แต่บางแปลงก็ยังมีที่ ส.ป.ก.ประมาณ 6 ไร่ มีใบเอกสาร แต่ว่าเป็นเอกสารที่อีก 5 ปี จะสามารถโอนชื่อเป็นของตนได้

ส่วนประเด็นที่ว่าพื้นที่สวนมีแค่ 30 ไร่ แต่ว่าดูเหมือนเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ เพราะว่ามีการตัดต้นลำไย ต้นมะม่วงทิ้งและมีการเปิดหน้าดินทำให้ดูเป็นพื้นที่ที่มีขนาดกว้าง ขอยืนยันว่าผู้ใหญ่บ้านมาเดินวัดที่ดินแปลงนี้เพื่อไปยื่นเอกสารรับรองการอาศัยทำกินในพื้นที่ป่า หรือ คทช.ด้วยตนเอง



กำลังโหลดความคิดเห็น