สุรินทร์- อดีตผู้ใหญ่บ้านชายแดนสุรินทร์ ยัน “ปราสาทคนา” หรือ ปราสาทหนองคันนา อยู่บนสันปันน้ำแผ่นดินไทย แฉเบื้องหลังก่อนสู้รบชายแดนครั้งใหญ่ปี 54 ชาวบ้านไปหาของป่าและเข้าไปเที่ยวได้ จากนั้นเข้าไปไม่ได้อีก ซ้ำทหารเขมรสร้างบันไดไม้กว่า 1พันขั้นปีนหน้าผาขึ้นมา ตั้งฐานทหารแอบยึดครอบครองแผ่นดินไทยและห้ามทหารไทยเข้า จี้ผลักดันเขมรออกไป
จากกรณีที่โซเชียลมีเดียได้มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทคนา ซึ่งตั้งอยู่บนสันปันน้ำเขตประเทศไทย ในพื้นที่ของหมู่บ้านแนงมุด ม.1 ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ว่ามีทหารกัมพูชารุกล้ำเข้าไปปักหลักครอบครองสร้างฐานที่มั่นทหาร และสื่อมวลชนได้ติดตามนำเสนอข่าวนั้น
ล่าสุด วันนี้ (3 ต.ค.68) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นายวีรวัฒน์ พันธุ์ศิลป์ อดีตผู้ใหญ่บ้านแนงมุด ม.1 ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว พร้อมกับเปิดเผยว่า ปราสาทคนา จริงๆแล้วชื่อ ปราสาทหนองคันนา ซึ่งน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “หนองคนาย (น๋อง-ขะ-นาย) แปลเป็นภาษาไทยว่า “ผักกูด” หรือ ปราสาทหนองคนาย เนื่องจากว่า ใกล้กับปราสาทห่างออกมาประมาณ 100 กว่าเมตร มีหนองน้ำใหญ่ขนาด 8-9 ไร่ ที่มีต้นคนาย หรือ ผักกูด ขึ้นเต็มหนองน้ำไปหมด จึงเชื่อได้ว่า คนสมัยก่อนน่าจะเรียกว่า “หนองคนาย” จึงตั้งชื่อปราสาทว่า “ปราสาทหนองคนาย” และเพี้ยนเสียงออกมาเป็น “ปราสาทหนองคันนา”
นายวีรวัฒน์ พันธุ์ศิลป์ อดีตผู้ใหญ่บ้านแนงมุด กล่าวต่อว่า ตนเข้าป่าหาเห็ดมาตั้งแต่วัยรุ่น เห็นปราสาทแห่งนี้เป็นซากปรักหักพังมานานแล้ว น่าจะเสียหายมานาน สมัยสงครามเขมร 3 ฝ่าย ที่มีการวางระเบิดทำลายและขุดหาสมบัติ พบมีเพียงกำแพงสี่เหลี่ยมล้อมรอบๆ มีความยาวด้านละประมาณ 40 เมตร ตรงกลางไม่มีตัวปราสาทเนื่องจากว่าถูกขุดพังเสียหาย มีรูลึกลงไปเป็นช่องประมาณ 2 เมตร ที่เกิดจากการขุดหาสมบัติ ก่อนปี 2554 ที่การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งใหญ่ ตนไปที่ปราสาทบ่อยๆ พบเพียงฐานทหารไทยอยู่ในป่าใกล้กับหนองคนาย ส่วนที่บริเวณปราสาท ไม่พบมีทหารกัมพูชาขึ้นมาอยู่แต่อย่างใด
อดีตผู้ใหญ่บ้าน กล่าวอีกว่า ปราสาทหนองคันนาน นั้น ตั้งอยู่บนสันปันน้ำบนแผ่นดินไทย 100 % อยู่ห่างจากหมู่บ้านแนงมุดออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร ตนเคยพาหลายคนไปดู อยากผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะมีถนนเข้าไปเกือบถึงปราสาท โดยที่ปราสาทหนองคันนา มีหนองน้ำ 2 แห่ง หนองน้ำขนาดใหญ่มีขนาด 8-9 ไร่ เป็นสระโบราณ ที่เรียกกันว่า “หนองคนา” และอีกแห่งเล็กกว่า ถัดเข้าไปอยู่ใกล้กับตัวปราสาท แต่หลังจากปี 2554 ก็ไม่สามารถเข้าไปตัวปราสาทได้ ไปถึงได้แค่หนองน้ำใหญ่ หรือ “หนองคนา” ส่วนหนองน้ำเล็กและตัวปราสาททหารเขมรไม่ให้เข้าไป ทั้งชาวบ้านและทหารไทยก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ไม่รู้สาเหตุเช่นกัน
และทราบว่าทหารกัมพูชามีการสร้างเพิงพักในปราสาท และมีฐานทหารอยู่ใต้ จะงอย หินหน้าผาด้วย เพราะด้านฝั่งประเทศกัมพูชาจะเป็นหน้าผาสูง รถยนต์ฝั่งเขมรไม่สามารถขึ้นมาได้ และพบว่าหลังจากเหตุการณ์สู้รบชายแดน ปี 2554 มีการสร้างบันไดไม้ขึ้นมาจริง
ตนอยากให้ให้หน่วยงานที่มีอำนาจเข้าไปพิสูจน์และผลักดันเขมรออกไปจากพื้นที่สันปันน้ำของไทย เพราะตอนนี้เขมรสร้างบันไดขึ้นมาเพื่อทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งทหารกัมพูชาก็ใช้น้ำในสระใหญ่และสระเล็ก หากถึงหน้าแล้งสระเล็กจะไม่มีน้ำ ทหารกัมพูชาก็จะเข้ามาขอน้ำใช้ที่สระใหญ่ใกล้กับฐานทหารไทยกด้วย หากไทยผลักดันออกไปแล้ว ก็สามารถพัฒนาและบูรณะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามได้ แถมยังมีทุ่งหญ้าที่สวยงามอยู่ใกล้กันอีกด้วย
จากนั้น นายวีรวัฒน์ พันธุ์ศิลป์ อดีตผู้ใหญ่บ้านแนงมุด กับนายวิดิษ เจนถูกใจ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 243 บ.แนงมุด ต.แนงมุด อ.กาบเชิงฯ ได้พาผู้สื่อข่าวไปยังบริเวณสันอ่างเก็บน้ำแนงมุด เพื่อชี้ให้ดูสันเขาบริเวณปราสาทหนองคันนา ที่อยู่ไกลลับๆ ว่าอยู่บริเวณไหน อีกด้วย
ทางด้าน นายวิดิษ เจนถูกใจ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 243 บ.แนงมุด ต.แนงมุด อ.กาบเชิง กล่าวว่า ตนจะเข้าไปดูปราสาทหนองคันนา หรือปราสาทคนา ทหารไทยไม่ให้เข้าไป บอกว่าทหารเขมรอยู่ติดตัวปราสาท ทั้งที่เมื่อก่อนหน้าที่ชาวบ้านเข้าได้ปกติ แต่เขมรทำบันไดไม้ปีนหน้าผาขึ้นมา 1,000 กว่าขั้น อยากให้ทหารไทยผลักดันออกไป เพราะเป็นผืนแผ่นดินไทย