xs
xsm
sm
md
lg

ภาคธุรกิจเมืองแปดริ้วฝากความหวัง “รัฐบาลอนุทิน”แก้ปัญหา ศก-คอรัปชั่น กลุ่มทุนเทา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฉะเชิงเทรา - ภาคเอกชนเมืองแปดริ้ว ฝากความหวัง “รัฐบาลอนุทิน” จริงใจแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ-คอรัปชั่น รวมทั้งปัญหากลุ่มทุนสีเทาที่ลุกคืบเข้าลงทุนแบบผิดกฏหมายในเขต EEC จนสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม การลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม

ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา ที่ได้มีการกำหนดนโยบายเร่งด่วน 5 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ ,ความมั่นคง ,สังคม ,ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการบริหารภาครัฐและการปฏิรูปกฎหมาย เพื่อเร่งแก้ปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญ พร้อมวางรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิตินั้น

วันนี้ (1 ต.ค.)​ นายยุทธนา มาตเจือ ประธานหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกาาแถลงนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลว่า ครอบคลุมในทุกด้าน แต่หากมองถึงห้วงเวลาที่มีจำกัดเพียงแค่ 4 เดือนแล้วอาจเป็นไปได้ยาก แต่ก็ขอให้รัฐบาลเร่งนำเงินเออกมาใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

 โดยเฉพาะในเรื่องการท่องเที่ยวที่ตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไปจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงแรมและการท่องเที่ยวสามารถจัดทำโปรโมชั่นได้ทัน

นอกจากนั้นในเดือน ต.ค.-ม.ค. ของทุกปียังเป็นช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรกำลังออกสู่ท้องตลาด ทั้งข้าวและผลไม้ หากรัฐบาลสามารถสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตรดีและมีราคาสูงขึ้น ก็จะช่วยให้เกษตรกรกลับมาลืมตาอ้าปากได้


“ รัฐบาลชุดนี้โชคดีมาก เพราะเงินงบประมาณแผ่นดินได้ถูกอนุมัติไว้ให้ใช้เรียบร้อยแล้ว และสามารถนำเงินออกมาใช้จ่ายได้ทันทีตามโครงการที่ได้มีการเขียนไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลไว้ คือปัญหาการคอร์รัปชั่น เพราะหากเงินกระตุ้นเศรษฐกิจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดก็จะก่อให้เกิดผลเสียหายมาก แม้จะเป็นรัฐบาลเพียง 4 เดือนหรือระยะสั้นก็ตาม” ประธานหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าว

นายยุทธนา มาตเจือ ประธานหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา
ด้าน นายสุกัณฑ์ โสรัจจกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมมีความคาดหวังต่อความจริงใจและจริงจังในการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจจากรัฐบาล ซึ่งนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาถือว่าออกมาดี และให้ความสำคัญต่อด้านสิ่งแวดล้อมและ พลังงานทดแทน ตลอดจนเรื่องของการประหยัดพลังงาน ที่มีความหวังว่าจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

เพราะหากส่งเสริมได้จริงจะทำให้ผู้ประกอบการไทยได้ลดต้นทุนการผลิต และสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยในกลุ่มจังหวัด EEC (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง) ที่กำลังประสบปัญหาหลายด้าน รวมทั้งเรื่องค่าแรง 400 บาท และการเข้ามาของกลุ่มทุนสีเทา

“ การเสนอพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.ที่เกิดขึ้นอีกหลากหลายเกี่ยวกับแรงงานที่เกิดขึ้นในยุคที่ผ่านๆ มาเปรียบเสมือนกับดักที่ให้ผู้ประกอบการไม่สามารถไปต่อได้ อาทิ นโยบายด้านค่าแรงงานจากในอดีตที่เคยมีวันทำงาน 48 ชม.ใน 1 สัปดาห์ แต่ฝ่ายการเมืองก็จะออกเป็น พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ให้ลดเวลาการทำงานลงเหลือเพียง 40 ชม.ต่อสัปดาห์ จึงทำให้แรงงานมีเวลาทำงานให้ผู้ประกอบการลดน้อยลง แต่รายจ่ายของผู้ประกอบการยังคงต้อง เท่าเดิมจึงทำให้ค่าแรงงานในปัจจุบันที่ขยับขึ้นมาเป็นวันละกว่า 500 บาท ”


ทั้งยังมีการเสนอข้อกำหนดเกี่ยวกับวันหยุดของแรงงานหญิง รวมทั้งการกำหนดวัลาสำหรับผู้ดูแลกรณีการลาคลอดเพิ่มขึ้นอีกหลายประการ ซึ่งหาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านสภา ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นอีกมาก

ส่วนปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกลุ่มทุนสีเทาและโรงงานเถื่อน รวมทั้งการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ในส่วนของภาคเอกชนไทย ต้องการให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้มกวดขันในการตรวจจับเพื่อให้ปัญหาต่างๆ หมดไปจากประเทศไทย

“ ภาคเอกชนเองก็คาดหวังว่ารัฐบาลชุดนี้ จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยหลายๆ ด้าน และควรนำความจริงมาคุยกัน ไม่ใช้กำหนดแต่นโยบายหาเสียงเหมือนรัฐบาลในยุคก่อนๆ และต้องช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีความเข็มแข็งที่จะสู้กับทุนต่างชาติได้ด้วย” ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าว

นายสุกัณฑ์ โสรัจจกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา


กำลังโหลดความคิดเห็น