คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศความสำเร็จในการพัฒนา ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)เพื่อการวินิจฉัยภาพทางรังสีทรวงอกและสมอง ซึ่งสามารถใช้งานจริงในโรงพยาบาลภาครัฐทั่วประเทศแล้วกว่า500,000รายนับเป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ไทยในการลดปัญหาขาดแคลนรังสีแพทย์ และทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาที่แม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
โครงการดังกล่าวได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)และเป็นผลจากความร่วมมือระหว่างภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล,คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)มหาวิทยาลัยมหิดลไม่ได้ร่วมในโครงการค่ะ
รศ.นพ.ตรงธรรม ทองดี หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และหัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่าโจทย์หลักที่ทำให้พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาเนื่องมาจากการเห็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยจำนวนมาก และการขาดแคลนรังสีแพทย์ ระบบAIที่พัฒนาขึ้นจะช่วยลดเวลาการทำงานของบุคลากรจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่วินาที ลดค่าใช้จ่าย และช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล
“เราได้ทำการศึกษาระบบร่วมกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยคนไทยจำนวนมากเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงทดสอบการทำงานในระบบAIเพื่อการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของภาพเอกซเรย์ทรวงอกChest X-rayและภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง(CT Brain)หลังจากผ่านการประมวลผลถึงประสิทธิภาพจนเป็นที่น่าพอใจ จึงอบรมให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำระบบไปใช้กับผู้ป่วย เราได้อบรมให้กับบุคลลากรทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ไปแล้ว 2 รุ่น จำนวน 80 คน ถึงตอนนี้ ได้มีการใช้กับผู้ป่วย รวมแล้วกว่า 500,000ราย
การอ่านภาพ เอกซเรย์ทั่วไป บางครั้งก็ยากสำหรับแพทย์ หรือมีการอ่านผิดพลาด แต่ระบบที่เราพัฒนานอกจากมีความไวสูงยังสามารถประมวลผลภาพเอกซเรย์ และรายงานผลการวินิจฉัยในเวลาไม่ถึง10วินาทีโดยมีความไวสูงถึง0.9และยังแม่นยำคนที่ไม่เป็นแพทย์เฉพาะทางก็สามารถอ่านได้ ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึง หรือมีการวางแผนรักษา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดเวลาการทำงานของบุคลากร ลดค่าใช้จ่าย”หัวหน้าโครงการฯ กล่าว
นับตั้งแต่เปิดใช้งาน ระบบAIได้ถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาลหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี จำนวนกว่า253,355ราย,โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตากกว่า117,367ราย,โรงพยาบาลลำพูนกว่า95,757รายและโรงพยาบาลตราดกว่า76,034รายตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการตอบรับและประสิทธิภาพที่แท้จริงของระบบในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของระบบสาธารณสุขไทย
รศ.นพ.ตรงธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่าจำนวนผู้ป่วยที่ใช้งานจริงทำให้มั่นใจว่าเราเดินมาถูกทาง และยืนยันว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุขโดยรวม ทั้งช่วยลดการเดินทางของผู้ป่วย และทำให้เข้าถึงบริการด้านรังสีวิทยาอย่างรวดเร็วและเท่าเทียมกันโครงการนี้ใช้เวลา3ปีในการวิจัยและพัฒนาจนระบบมีความเสถียรพร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ผ่านการอบรมบุคลากรไปแล้วกว่า80คน และยังสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาAIตรวจวินิจฉัยโรคเฉพาะ เช่น วัณโรคปอด ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขมุ่งแก้ไข
“นี่คือผลงานที่คนไทยคิด คนไทยสร้าง ซึ่งไม่เพียงช่วยประหยัดงบประมาณจากการนำเข้าเทคโนโลยี แต่ยังเป็นนวัตกรรมที่เหมาะสมกับคนไทยโดยเฉพาะ ใช้ฐานข้อมูลคนไทยฝึกระบบAIทำให้แม่นยำกว่าระบบจากต่างประเทศความสำเร็จครั้งนี้ยังได้รับความสนใจจากต่างประเทศ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์ได้เข้ามาศึกษาดูงาน และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลยังได้รับเชิญให้ไปบรรยายผลงานบนเวทีนานาชาติถือเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทัดเทียมมาตรฐานสากล
“AIวินิจฉัยภาพรังสีทรวงอก”โดยศิริราช นับเป็นก้าวกระโดดสำคัญของการแพทย์ไทย ที่ช่วยให้ผู้ป่วยในทุกพื้นที่ได้รับการดูแลเสมือนมีรังสีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่ใกล้ตัว โครงการนี้ไม่เพียงเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่คือเครื่องมือที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นความภาคภูมิใจของชาติอย่างแท้จริง