ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทลฉ.ยันสินค้าไปเขมร ไม่เกี่ยวท่าเรือ แต่เป็นเรื่องของสายการเดินเรือที่อาจขนส่งสินค้าไป ปท.ที่3 ก่อนส่งเข้ากัมพูชา จนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ชี้หากมีสินค้าผ่านแดนไปเขมรต้องวางเงินค้ำประกันตู้ 2แสนบาทก่อน จนกว่าสินค้าจะถึงมือเจ้าของปลายทาง
จากกรณีกระแสคำสั่งของกองทัพเรือ ห้ามการขนส่งสินค้าไปยังประเทศกัมพูชา ส่งผลให้ผู้ประกอบการและท่าเรือในจังหวัดตราดได้รับผลกระทบ สูญเสียโอกาสทางการค้าอย่างมาก ขณะที่ท่าเรือแหลมฉบังยังคงมีเรือบรรทุกสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคส่งต่อไปยังกัมพูชาตามปกติอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการในอำเภอคลองใหญ่ตั้งข้อสงสัย ว่าเหตุใดท่าเรือแหลมฉบังจึงสามารถดำเนินการขนส่งสินค้าไทยไปกัมพูชาได้ แตกต่างจากท่าเรือในพื้นที่ชายแดน
ล่าสุด ผู้บริหารระดับสูงของท่าเรือแหลมฉบัง ชี้แจงว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ “สายการเดินเรือ” ไม่ใช่ท่าเรือ โดยสินค้าไม่ได้ถูกส่งตรงไปกัมพูชา แต่ปลายทางตามเอกสารของสายเรือ อาจระบุไปยังประเทศที่สาม เช่น เวียดนาม เมียนมา หรือประเทศอื่น ๆ ก่อนมีการพักและส่งต่อไปยังกัมพูชาในภายหลัง ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในหมู่ผู้ประกอบการชายแดน
ส่วนสินค้า “ขาเข้า” จากกัมพูชา หากมีการนำตู้สินค้าผ่านเข้ามา จะต้องวางเงินค้ำประกันตู้ละ 200,000 บาท จนกว่าสินค้าจะถึงมือเจ้าของปลายทาง และนำหลักฐานมาแสดง จึงจะได้รับเงินคืน