กาฬสินธุ์ - กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม และผู้ประกอบการร้านอาหารที่จังหวัดกาฬสินธุ์เรียกร้องรัฐบาลใหม่เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและวิกฤตกุ้งก้ามกราม หลังเจอปัญหารอบด้าน ทั้งต้นทุนการผลิตสูง ตลาดซื้อขายซบเซา ซัดจังหวัดไม่จริงใจส่งเสริมเกษตรกรอาชีพเลี้ยงกุ้ง
จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพ และภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะในส่วนเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจอันดับหนึ่งของจังหวัด พื้นที่เลี้ยงกันเป็นบริเวณกว้างหลายตำบลในเขต อ.ยางตลาด และ อ.เมืองกาฬสินธุ์ พบว่าบรรยากาศเงียบเหงา ขาดสภาพคล่อง เกษตรกรกำลังแบกรับปัญหารอบด้าน ทั้งผลกระทบจากน้ำป่าไหลบ่าท่วมบ่อกุ้ง และมีสารเคมีปนเปื้อนในน้ำ ส่งผลให้กุ้งในบ่อน็อกตายเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ในส่วนบรรยากาศการซื้อขายทั้งกุ้งสดจากบ่อ และผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหารที่เคยคึกคักกลับซบเซา ไม่มีพ่อค้าคนกลางออเดอร์เข้ามาสั่งจับกุ้ง เหมือนในช่วงเทศกาลปีใหม่หรือสงกรานต์ที่ผ่านมา
นางกนิษฐา วงศ์สมศรี อายุ 42 ปี เจ้าของร้านครัวสุขใจ และเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนปีนี้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามส่วนใหญ่ ประสบปัญหาเหมือนกัน เริ่มจากบรรยากาศซื้อขายฝืดเคืองเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในภาพรวมซบเซา ไม่มีพ่อค้าคนกลางมาติดต่อซื้อกุ้งไปจำหน่าย ขณะที่ในส่วนของร้านค้าร้านอาหารก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าร้าน ทั้งๆ ที่เคยจำหน่ายกุ้งสดและประกอบอาหารบริการลูกค้าเฉลี่ยวันละ 50 กก. แต่ทุกวันนี้สูงสุดจำหน่ายได้แค่ 5-10 กก.เท่านั้น
นอกจากนี้ ในฤดูฝนปีนี้ฝนตกชุก สลับกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย บางวันร้อนบางวันฝนตก ส่งผลกระทบต่อกุ้งหลายด้าน ทั้งกุ้งปรับตัวไม่ทันก็เกิดการน็อกน้ำ บางบ่อได้รับความเสียหายจากน้ำป่า ที่ชาวบ้านเรียกว่า “น้ำแดง” ไหลบ่าเข้าท่วมบ่อกุ้ง และไหลลงคลองส่งน้ำที่เกษตรกรนำเข้าไปเลี้ยงกุ้งและเปลี่ยนถ่ายในบ่อกุ้ง ซึ่งน้ำป่าดังกล่าวได้พัดพาสารเคมีจากไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลังลงมาด้วย ทำให้บ่อกุ้งได้รับความเสียหาย และกุ้งน็อกตาย บางรายน็อกตายทั้งบ่อ บางบ่อค่อยๆทยอยตาย ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารเคมี หรือสุขภาพของกุ้งในบ่อ
“ครอบครัวฉันเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและเปิดร้านขายอาหารแปรรูปจากกุ้งก้ามกรามด้วย ส่วนที่ได้รับผลกระทบคือบรรยากาศการค้าขายฝืดเคืองมาก เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีเลย ลูกค้าเข้าร้านน้อยมาก การค้าปลีกก็ไปเรื่อยๆ ไม่คึกคักเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการตลาดกุ้งก้ามกรามยังถือว่าค่อนข้างแคบ ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่เกษตรกรพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และจับกุ้งขนาดมาตรฐานจำหน่าย ตลาดค้าขายกุ้งก็ยังไม่คึกคักและไม่มีหลักประกันเท่าที่มั่นคง"
อย่างไรก็ตาม ตนหวังว่าในห้วงปลายเดือนนี้ ซึ่งเป็นช่วงข้าราชการเกษียณอายุ จะกลับมามีความคึกคักอีกครั้ง โดยจะมีลูกค้าเข้ามานั่งรับประทานหรือสั่งจองโต๊ะฉลองเกษียณเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้ยังเงียบๆ อยู่ ไม่เห็นมีลูกค้ากลุ่มไหนติดต่อเข้ามาเลย” นางกนิษฐากล่าว
นางกนิษฐากล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อประสบปัญหารอบด้านดังกล่าว โดยเฉพาะเศรษฐกิจตกต่ำ บรรยากาศการค้าขายขาดสภาพคล่อง เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก็ต้องแบกรับทั้งภาระค่าอาหาร และเสี่ยงได้รับความเสียหายจากน้ำป่าน้ำแดง ไม่ได้ขายกุ้งก็ไม่มีเงินไปชำระเงินกู้และดอกเบี้ย ธ.ก.ส. ประกอบกับปัญหาต้นทุนการผลิต ทั้งพันธุ์ลูกกุ้งตัวละ 30 สตางค์และอาหารสูง เดิมเคยกระสอบขนาด 25 กก.ราคา 500-600 บาท ปัจจุบันปรับราคาสูงขึ้นกระสอบละประมาณ 1,000 บาท หรือ กก.ละ 40 บาท
ส่วนราคาซื้อขายกุ้งสดที่ปากบ่อยังราคาเท่าเดิมมานานนับ 10 ปี คือกุ้งรวม กก.ละ 250 บาท หากคัดไซส์หรือกุ้งแยกขนาดเล็กใหญ่ มีหลายราคา ตั้งแต่ กก.ละ 300-480 บาท หรือกุ้งแม่น้ำ กก.ละ 600-800 บาท
อย่างไรก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างนี้ สิ่งที่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามอยากเรียกร้องไปถึงรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจและควบคุมราคาพันธุ์ลูกกุ้ง ปรับลดค่าอาหารกุ้งลง พร้อมฟื้นฟูอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
โดยการจัดมหกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเป็นช่องทางให้เกษตรกรมีรายได้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจไปด้วยกัน ก่อนที่กุ้งก้ามกรามที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจอันดับหนึ่งของ จ.กาฬสินธุ์ จะน็อกตายหรืออาชีพนี้สูญหายไปเพราะไม่มีตลาดรองรับ กุ้งในบ่อที่รอจับขายถูกน้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมและน็อกตาย ที่จะทำให้ประสบปัญหาขาดทุน เกษตรกรไม่มีเงินทุนจะเลี้ยงต่อไป เนื่องจากประสบปัญหารอบด้านดังกล่าว