สระแก้ว- ป่วนอีก เขมรลุกฮือรื้อรั้วลวดหนามบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ขณะทหารไทยทำการติดตั้งเสาไฟฟ้าส่องสว่าง อ้างเป็นพื้นที่ของตนเองแต่ไทยยันหนักแน่นนี่คือพื้นดินไทยจนต้องประสาน ทหารพัน.ปชด. 503 - ตำรวจชุด คฝ.เข้าควบคุมสถานการณ์จนยอมสลายตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ ( 16 ก.ย. ) ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นที่ บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว อีกครั้งหลังชาวเขมรประมาณ 50–70 คน ได้ลุกฮือรื้อถอนรั้วลวดหนามชั้นเดียวที่ กองกำลังทหารไทย ได้ติดตั้งไว้เพื่อป้องกันตนเอง บริเวณทางทิศเหนือของแนวลวดหนามหลักที่มีการขึงแสลนสีดำ เนื่องจากชาวบ้านเขมรเข้าใจผิดคิดว่าทหารไทย ได้ดำเนินการขยายแนวลวดหนามเพิ่มเติมจากที่มีอยู่เดิม จึงเกิดความไม่พอใจและเข้ามารื้อถอนบางส่วนพร้อมตะโกนด่าทอทหารไทย และประกาศลั่นว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของเขมร
ขณะที่ กองกำลังบูรพา โดยหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ได้ประสานงานไปยังทหารพัน.ปชด. 503 เข้าพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ และชี้แจงให้ชาวกัมพูชาเข้าใจว่า แนวลวดหนามดังกล่าวเป็นเพียงแนวป้องกันตนเองที่มีอยู่เดิม และมิได้มีการขยายพื้นที่หรือรุกล้ำแต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าหน้าที่ไทยได้ทำการติดตั้งเสาไฟฟ้าใกล้แนวรั้ว ห่างจากกองร้อยทหารพรานที่ 1301 ราว 600 เมตร
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ได้เร่งเสริมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ด้วยการเจรจาอย่างใช้อดทน จนทำให้กลุ่มชาวเขมรสลายตัวและทยอยกลับเข้าหมู่บ้าน และแม้สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ความสงบแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ไว้ใจ ยังจัดกำลังเฝ้าระวังใกล้ชิดเพื่อป้องกันการลุกฮือเข้ามารื้อรั้วลวดหนามไทยอีก
ด้านแหล่งข่าวในพื้นที่บอกว่า สาเหตุที่ทำให้ชาวเขมรลุกฮือประชิดรั้วชายแดนไทยอีกครั้ง อาจมาจากกระแสข่าวที่เผยแพร่ในกัมพูชา เกี่ยวกับปัญหาชายแดนจนทำให้ชาวบ้านบางส่วนเข้าใจคลาดเคลื่อนและก่อเหตุดังกล่าวขึ้น โดยพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา หากควบคุมสถานการณ์ไม่ได้...
กระทั่งเวลา 17.00 น. กองกำลังควบคุมฝูงชน (คฝ.) สภ.โคกสูง และ ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้เข้าเสริมกำลังในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังและดูแลความสงบเรียบร้อยจนสถานการณ์คลี่คลาย แต่ก็ยังพบว่ามีชาวเขมรที่ยังคอยและสังเกตการณ์อยู่บริเวณแนวป่ายูคาลิปตัสใกล้จุดเกิดเหตุ แต่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวรุนแรงเพิ่มเติม
เหตุการณ์ในครั้งนี้สะท้อนถึงความอ่อนไหวของพื้นที่ชายแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชาจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่แนวชายแดนร่วมกัน
และล่าสุดเมื่อเวลา 19.20 น. ชาวเขมรได้พากันเดินกลับเข้าป่ายูคาฯ ริมชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อกลับไปพักผ่อน ทำให้ในเวลา 20.00 น. สถานการณ์จึงสงบแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพา สับเปลี่ยนกำลังดูแลความปลอดภัยในแนวหน้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ชรบ.หมู่บ้าน เพราะยังเชื่อว่าสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ