xs
xsm
sm
md
lg

เดินหน้ารถไฟความเร็วสูง เสริมแกร่งโลจิสติกส์ พัฒนาท่องเที่ยว/เศรษฐกิจไทย ลาว จีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เวทีการประชุมส่งเสริมการขนส่งและการท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟจีน ลาว ไทย  ที่โรงแรมพูลแมน อ.เมือง จ.ขอนแก่น
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เวทีประชุมส่งเสริมขนส่งและท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟจีน ลาว ไทย เผยภาคอีสานทำเลทองด้านการท่องเที่ยว ชูรถไฟจีน ลาว ไทย มีส่วนสำคัญพัฒนาการขนส่งและการท่องเที่ยว กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสามประเทศ

นางหลิว หงเหม่ย กงสุลใหญ่ สถานกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดขอนแก่น
วันนี้ (19 ส.ค.) ที่ห้องออคิดบอลรูม โรงแรมพูลแมน อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนางหลิว หง เหมย กงสุลใหญ่ สถานกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุม การส่งเสริมการขนส่งและการท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟจีน ลาว ไทย ที่สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงจัดขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งสามประเทศเข้าร่วมหารือมากกว่า 300 คน

ทั้งนี้ภายในเวทีการประชุมดังกล่าว มีการจัดนิทรรศการและจัดแสดงสินค้าที่น่าสนใจ จากผู้จัดแสดง 25 ราย และการประกาศ 10 อันดับจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภาคอีสาน จากการสำรวจออนไลน์ที่ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม พร้อมการจัดประชุมย่อยเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ส่งเสริมการอภิปรายเชิงลึก และการจับคู่ธุรกิจสำรวจโอกาสความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมประชุม

นางหลิว หงเหม่ย กงสุลใหญ่ สถานกงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดขอนแก่น ปีนี้เป็นปีทองของความสัมพันธ์ไทย-จีนครบ 50 ปี พร้อมเน้นย้ำถึงศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ของภูมิภาค "ระหว่างสองปีที่ได้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ ได้เดินทางทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย พบว่าภูมิภาคนี้มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนด้านภูมิศาสตร์ อุตสาหกรรม และการพัฒนา พร้อมด้วยศักยภาพในการเจริญเติบโตอย่างมหาศาล

"อีสานตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมสำคัญสำหรับรถไฟจีน-ไทย ซึ่งเป็นโครงการหลักของการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง สิ่งนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เป็นผู้เล่นหลักในเครือข่ายการเชื่อมโยงระดับภูมิภาค"

ขณะที่นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงบทบาทของรถไฟในการส่งเสริมการท่องเที่ยว "รถไฟจีน-ลาว-ไทยได้กลายเป็นตัวเชื่อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่แค่เชื่อมโยงทางกายภาพ แต่เป็นหลอดเลือดแห่งการเจริญเติบโตใหม่ และ 'กระดูกสันหลังการท่องเที่ยว' ที่สามารถเชื่อมโยงจุดหมายปลายทางที่หลากหลายทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และสร้างสรรค์ทั่วภูมิภาคของเรา"

การเชื่อมโยงนี้ไทยในฐานะศูนย์กลางการขนส่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน รถไฟถูกมองว่าเป็นตัวกระตุ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนและเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์การค้า สิ่งนี้ไม่เพียงแต่วางตำแหน่งกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ แต่ยังรวมถึงจุดหมายปลายทางที่กำลังเกิดขึ้นใหม่อย่างหนองคาย อุดรธานี และขอนแก่น เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคที่ยั่งยืน




ขณะที่นายดาวจินดา สีหาราด ผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว ภายใต้กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดใช้รถไฟจีน-ลาวในปี 2564 ในลาว รถไฟได้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญของการเปลี่ยนแปลงลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มกระแสการค้า และสร้างโอกาสใหม่สำหรับการท่องเที่ยว ได้เปลี่ยนลาวให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงทางบก เชื่อมต่อเรากับตลาดระดับภูมิภาคและโลก

"ด้วยการบูรณาการเข้ากับเครือข่ายรถไฟของไทย สามประเทศของเราขณะนี้พร้อมที่จะสร้างเส้นทางรถไฟต่อเนื่องที่เชื่อมโยงดินแดนภายในของจีนกับใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และต่อไป นับตั้งแต่เปิดใช้งาน รถไฟจีน-ลาวมีส่วนช่วยให้เกิดการเติบโตของ GDP เฉลี่ยต่อปีร้อยละ 4 ในลาว กระตุ้นการขยายตัวในด้านโลจิสติกส์ การผลิต และการท่องเที่ยว และสร้างงานทางอ้อม 120,000 ตำแหน่ง มีผู้โดยสารกว่า 10 ล้านคนเดินทาง” นายดาวจินดา กล่าวและว่า

ขณะนี้มีการขนส่งสินค้ามากกว่า 3,000 ประเภท การส่งออกรายวันรวมถึงผลไม้เมืองร้อนกว่า 2,000 ตัน ซึ่งมากกว่า 1,400 ตันเป็นทุเรียน เพิ่มขึ้นร้อยละ 200 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว อุปทานส่วนใหญ่มาจากไทย ซึ่งได้รับประโยชน์จากระบบจัดส่งห่วงโซ่ความเย็นแบบเต็มรูปแบบ 40 ชั่วโมงสำหรับจีน รถไฟขณะนี้เชื่อมต่อ 31 มณฑลและเมือง และขยายไปยัง 19 ประเทศและภูมิภาคภายใต้ริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง




ด้านนายสุริยันต์ วิจิตรเลขการ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (MI) กล่าวว่า หัวใจของความร่วมมือในระดับภูมิภาคคือการเชื่อมต่อการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางรถไฟ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นการสร้างเส้นทางเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ที่สามารถส่งเสริมการเติบโต เสริมสร้างความยืดหยุน และเพิ่มความลึกของการบูรณาการทั่วอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน ด้วยการเชื่อมโยงโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว กับอุตสาหกรรมเกิดใหม่อย่างสุขภาพ บริการสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ สามารถขยายประโยชน์ของเส้นทางเศรษฐกิจนี้สำหรับทุกฝ่าย


กำลังโหลดความคิดเห็น