เชียงใหม่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำแถลงผลการจับกุมแก๊งม้ากดเงินชาวจีน รวบ 3 ผู้ต้องหา 2 หนุ่มชาวจีนและ 1 สาวไทย พร้อมของกลางเงินสด กว่า 1.1 ล้านบาท กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังเชียงใหม่ เบื้องต้นพบรับคำสั่งจากบอสใหญ่ให้บินตรงมาจากจีนเพื่อคุมคนไทยเจ้าของบัญชีม้าให้ตระเวนเบิกเงินจากบัญชีที่ใช้หลอกเหยื่อ ทั้งลวงลงทุน, ซื้อสินค้าและทำธุรกรรมต่างๆ คาดเป็นแก๊งเดียวกับที่จับได้เมื่อเร็วๆ นี้ เตรียมเร่งขยายผล ขณะเดียวกันเผยสถิติเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ลดลง 90% หลังใช้มาตรการกวาดล้างฐานที่ตั้งและตัดท่อน้ำเลี้ยงอย่างเข้มข้น รวมทั้งสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
วันนี้ (7 ส.ค. 68) ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโท กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยพลตำรวจตรี ธวัชขัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และพลตำรวจตรี วรพงษ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมแก๊งกดเงินบัญชีม้าชาวจีนพร้อมพวกรวม 3 คน ได้แก่ นายฉิน หลง หรือ MR. QIN LONG อายุ 29 ปี สัญชาติจีน, นายจาง ลู่ผิง หรือ MR. ZHANG LUPING อายุ 30 ปี สัญชาติจีน และนางสาวสุดารัตน์ อารี อายุ 40 ปี พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 1,140,000 บาท, สมุดบัญชีธนาคารไทยจำนวน 3 เล่ม และโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ และ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามฯ
ทั้งนี้ การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มคนมาเดินที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมืองเชียงใหม่ และแวะกดเงินในตู้เอทีเอ็มจำนวนมากออกมาเป็นเงินสด โดยมีคนจีนคอยยืนคุมลักษณะต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ ซึ่งเมื่อทั้งหมดเห็นเจ้าหน้าที่ได้แตกตื่นตกใจและวิ่งหนี แต่สุดท้ายถูกควบคุมตัวได้ทั้งหมด โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพตรงกันว่าได้รับสั่งการจากบอสชาวจีนให้เดินทางมาจากประเทศจีนเข้ามาประเทศไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยวได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว เพื่อทำหน้าที่รับเงินสดจากบัญชีม้าคนไทย ด้วยการเบิกเงินสดจากตู้เอทีเอ็มธนาคารไทย จากนั้นนำเงินสดไปฝากเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ตามที่ได้รับสั่งการ ซึ่งทำมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ส่วนนางสาวสุดารัตน์ให้การว่าได้ใช้บัญชีของตัวเองเบิกถอนเงินสดมาจากธนาคารโดยคำสั่งการของชายชาวจีนทั้ง 2 คน โดยไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากที่ใด ซึ่งได้ค่าจ้างการเปิดบัญชีและถอนเงิน จำนวน 5,000-10,000 บาท
ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า แก๊งม้ากดเงินที่จับกุมได้ครั้งนี้บินตรงมาจากประเทศจีน เพื่อทำหน้าที่เป็นคนรับกดเงิน ซึ่งแก๊งนี้เชื่อมโยงกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ที่ทำการหลอกลวงคนจีนและคนไทย ทั้งการหลอกขายสินค้า, หลอกลงทุนเทรดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี หรือทำธุรกรรมอื่นๆ โดยเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกแล้วเข้าแจ้งความที่ สน.บางรัก กรุงเทพฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 500,000 บาท, สภ.คอหงส์ จังหวัดสงขลา มูลค่าความเสียหาย 108,709 บาท และ สภ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มูลค่าความเสียหาย 74,515 บาท ซึ่งทั้ง 3 คดีโอนเงินเข้าบัญชีของนางสาวสุดารัตน์ นอกจากนี้ทราบด้วยว่ามีคนไทยที่จ้างนางสาวสุดารัตน์เปิดบัญชี อยู่ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเวลานี้ทราบตัวแล้วและได้ออกหมายจับเพิ่มเติม พร้อมจะขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยเชื่อว่าแก๊งนี้เป็นเครือข่ายเดียวกันกับม้ากดเงินชาวจีนที่ทางตำรวจได้จับกุมก่อนหน้านี้ในพื้นที่ สภ.แม่ปิง เพราะมีการทำงานลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ในห้วงที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการกวาดล้าง กดดัน และตัดท่อน้ำเลี้ยงของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์อย่างหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน และฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งสถานการณ์การปะทะกันในแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีการผลักดันคนกลับประเทศ ส่งผลให้สถิติของการถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ภาค 5 หรือในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือลดลงกว่าร้อยละ 90 อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังมีบางจุดที่ตรวจจับสัญญาณได้ ทั้งฝั่งท่าขี้เหล็กของพม่า และปอยเปต ของกัมพูชาในบางจุด แต่ภาพรวมลดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ