xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ภาค5รวบจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รวบ2หนุ่มจีนพร้อมสาวไทยรับเปิดบัญชีม้า ยึดเงินสด2.6ล.กลางห้างดังเชียงใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 แถลงผลจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 2 หนุ่มชาวจีน พร้อมหญิงสาวคนไทยที่รับจ้างเปิดบัญชีม้ารับโอนเงินจากเหยื่อ ยึดของกลางเงินสดกว่า 2.6 ล้านบาท กลางห้างดังเชียงใหม่ เผยตั้งฐานอยู่กัมพูชา และนัดหมายตระเวนถอนเงินสด แต่ดันเกิดขัดแย้งและข่มขู่กันเพราะตกลงค่าจ้างกันไม่ได้ จนมีคนแจ้ง ตร.ให้ระงับเหตุและพบความผิดปกติ


วันนี้(18 ก.ค.68) ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจตรีธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนและใช้บัญชีธนาคารผู้อื่นในการรับโอนและถอนเงิน โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรแม่ปิง ร่วมกับชุดสืบสวน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางสาวอนุกุล อินทะพล จับกุมได้ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง,นายเหมิน ซิน ชาวจีน จับกุมได้ที่โรงแรมย่านพระสิงห์ และนายจาง เหมา หนิง ชาวจีน จับกุมได้ที่โรงแรมในจังหวัดลำพูน

ทั้งนี้การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีชายชาวจีน 2 คน มีพฤติกรรมข่มขู่หญิงไทยบริเวณห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ซึ่งตรวจสอบพบว่าหญิงรายนี้ถูกจ้างให้เปิดบัญชีธนาคารรับโอนเงินและถอนเงินตามคำสั่ง แต่เกิดข้อโต้แย้งเรื่องการแบ่งค่าจ้าง โดยจากการตรวจค้นพบเงินสดกว่า 2,680,000 บาท อยู่ในความครอบครอง และบัญชีดังกล่าวถูกใช้ในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งเบื้องต้นมีผู้เสียหายแจ้งความไว้แล้ว 7 ราย ความเสียหายรวมกว่า 2 ล้านบาท ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และสามารถจับกุมได้ในที่สุด


รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาจีนรายหนึ่งรับสารภาพว่า เดินทางจากกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทยตามคำสั่งของหัวหน้าขบวนการ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการกดเงินสด โดยมีการนัดหมายกับหญิงสาวเจ้าของบัญชีล่วงหน้า ให้นั่งรอหน้าธนาคารในช่วงเวลาที่มีผู้หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชี จากนั้นจะพากันตระเวนถอนเงินสดตามสาขาต่าง ๆ แล้วส่งต่อให้ชาวจีนอีกทอดหนึ่ง ก่อนจะนำเงินไปฝากเข้าธนาคารอื่น เป็นลักษณะการทำงานซ้ำๆ ทุกวัน ซึ่งขบวนการนี้เคยก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และพัทยา โดยตำรวจสืบสวนภาค 2 ได้ร่วมติดตามความเคลื่อนไหวเช่นกัน

ขณะที่จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาชาวจีนรายนี้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 เม.ย.67 ก่อนจะไปพัทยา และกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่ได้ประมาณสิบกว่าวัน ส่วนหญิงสาวชาวไทย เจ้าของบัญชีม้า ยอมรับและอ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดยใช้บัญชีส่วนตัวเดิม ไม่ได้เปิดบัญชีใหม่ ได้รับการชักชวนจากเพื่อนให้เข้ากลุ่ม และได้รับค่าตอบแทน 10,000 บาท พร้อมสิทธิ์ในการใช้บัญชี แต่ต้องถอนเงินให้กลุ่ม สำหรับโทษตามความผิดนั้น เทียบเท่ากับผู้ต้องหาชาวจีน เนื่องจากในหนึ่งวัน มีผู้เสียหาย 5 ราย โอนเงินรวมกว่า 6 ล้านบาท ผ่านบัญชีดังกล่าว ซึ่งกฎหมายกำหนดโทษสูงสุดถึง 30 ปี


นอกจากนี้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า ขบวนการหลอกลวงลักษณะนี้มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ ผู้หลอกลวง, บัญชีม้า และผู้เสียหาย หากขาดส่วนใดส่วนหนึ่ง จะไม่สามารถดำเนินการได้ และในกรณีนี้ทางตำรวจไม่สามารถติดตามเส้นทางเงินได้ เพราะมีการถอนเงินสดออกและโอนไปยังเครือข่ายอื่นอย่างรวดเร็ว ทำให้ยากต่อการติดตามกลับคืน จึงขอฝากเตือนประชาชนให้มีสติ อย่าหลงเชื่อการชักชวนโอนเงินในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนออนไลน์ การซื้อสินค้า หรือแม้แต่การหลอกให้รัก เพราะเบื้องหลังอาจเป็นองค์กรอาชญากรข้ามชาติที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน






กำลังโหลดความคิดเห็น