ศรีสะเกษ - ชาวบ้านภูมิชรอล ชายแดนเขาพระวิหารผวา กลิ่นศพทหารเขมรลอยฟุ้งมาเป็นระยะ หมาเห่าหอนหนักทั้งคืนยันสว่าง วอนรัฐเร่งเคลียร์ศึกชายแดนไทย-กัมพูชาให้จบสิ้น ชี้ยิงก็ยิงให้จบหรือจะเจรจาก็ขอให้เรียบร้อยเด็ดขาด เผยชาวชายแดนเกาะติดประชุม GBC ใกล้ชิด หวังผลออกมาทางที่ดีและยุติความขัดแย้งได้
วันนี้ (7 ส.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หมู่บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ติดกับพื้นที่การสู้รบด้านเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่าขณะนี้ประชาชนบางส่วนที่เคยอพยพไปยังศูนย์พักพิงได้เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้าน และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ทั้งในด้านการประกอบอาชีพและการเปิดร้านค้าค้าขาย โดยเฉพาะร้านขายอาหาร เช่น ร้านส้มตำ ไก่ย่าง เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามชาวบ้านส่วนใหญ่ยอมรับว่ายังมีความกังวลในใจว่าอาจเกิดเหตุการณ์สู้รบของไทย-กัมพูชา ขึ้นอีกครั้งในอนาคต แต่การกลับมาครั้งนี้ เนื่องจากหลายศูนย์พักพิงเริ่มทยอยปิดตัวลงเพื่อเตรียมพื้นที่รองรับนักเรียนในช่วงเปิดเทอม ทำให้ชาวบ้านบางส่วนตัดสินใจกลับมาดูแลบ้านเรือนที่ต้องทิ้งร้างไว้นานหลายวัน
นายทองคำ วงษ์ใหญ่ อายุ 55 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล เปิดเผยว่า ตนได้พาพ่อ อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นอัมพาต อพยพไปยังศูนย์พักพิงในอำเภอเบญจลักษ์ ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการปะทะ และได้พำนักอยู่เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ ก่อนจะมีประกาศย้ายศูนย์พักพิง เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการเรียนการสอนในช่วงเปิดเทอม ตนจึงอาศัยโอกาสนี้พาพ่อกลับมาดูบ้าน
นายทองคำยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังกลับมาถึงบ้าน สิ่งที่ผิดสังเกตอย่างมากคือ กลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์เน่า ซึ่งลอยมาเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อมีลมพัดแรง สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากซากศพทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากการปะทะและยังไม่ได้รับการเก็บกู้จำนวนมาก โดยได้รับข้อมูลจากทหารบริเวณแนวปะทะว่าพื้นที่โซนภูมะเขือนั้นมีกลิ่นรุนแรงมาก แม้ใส่หน้ากากอนามัยถึงสามชั้นก็ยังไม่สามารถป้องกันกลิ่นได้
“เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลย เพราะหมาหอนทั้งคืน พอตีห้าก็ได้ยินเสียงปืนดังเป็นระยะ อยากให้ผู้มีอำนาจจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด จะยิงก็ยิงให้จบ หรือหากจะเจรจาก็ขอให้เรียบร้อยเด็ดขาด พวกเราจะได้กลับมาทำมาหากินตามปกติ” นายทองคำกล่าว
ขณะที่ นายวิมล ทองอ่อน อายุ 56 ปี สมาชิกชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เปิดเผยว่า ตนปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ตั้งแต่วันแรกที่เกิดการปะทะ ปัจจุบันเริ่มมีชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้ชาย กลับมานอนที่บ้านบ้างแล้ว แต่ยังไม่มากนัก
“ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาผิดสังเกตว่าหมาหอนตอนกลางคืนเยอะกว่าปกติ หลังมีข่าวว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก ชาวบ้านเองก็หวังว่าการประชุม GBC จะออกมาในทางที่ดีและยุติความขัดแย้งได้ เพราะตอนเกิดเหตุปะทะ ชาวบ้านเดือดร้อน ไม่มีรายได้ ต้องอพยพหนีภัยมากว่า 10 วันแล้ว” นายวิมลกล่าว
ทั้งนี้ ชาวบ้านยังคงติดตามผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด พร้อมวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางออกอย่างสันติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างมั่นใจและปลอดภัยในระยะยาว