xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) “ชาวภูมิซรอล” ศรีสะเกษ ชายแดนด้านเขาพระวิหาร เริ่มทยอยออกจากพื้นที่ เชื่อหากเกิดสู้รบรุนแรงแน่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศรีสะเกษ - ชาวบ้านภูมิซรอล ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ยังจดจำเสียงปืนเสียงระเบิดการสู้รบครั้งใหญ่ปี 2554 ได้เป็นอย่างดี หวังครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เชื่อหากเกิดการปะทะจะรุนแรงน่ากลัวกว่าครั้งที่ผ่านมา เผยหลังทหารเขมรตั้งปืนใหญ่หันมาฝั่งไทยชาวบ้านภูมิซรอลบางส่วนเริ่มทยอยออกจากพื้นที่แล้ว โดยไปอาศัยตามบ้านญาติที่อยู่ห่างจากชายแดน

วันนี้ (15 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาข้อพิพาทพื้นที่แนวชายแดน ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ที่หลายฝ่ายหวั่นว่าอาจจะเกิดการสู้รบหรือเกิดสงครามขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) อยู่นั้น ทำให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามแนวชายแดน เริ่มกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะชาวบ้านพื้นที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเคยประสบเหตุการณ์การสู้รบครั้งใหญ่ ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชามาแล้ว เมื่อปี 2554 ยังคงหวาดกลัว และจดจำเสียงปืนเสียงระเบิดได้เป็นอย่างดี



ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวรได้เดินทางไปที่บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ พบกับชาวบ้านภูมิซรอล นางนงลักษณ์ คำแพงศรี อายุ 66 ปี นางสุวรรณี ปัทมะ อายุ 68 ปี นางเปลี่ยน นิราจันทร์ อายุ 68 ปี ต่างพากันพูดคุยถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น และหวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี พร้อมพาตรวจสอบหลุมหลบภัย ซึ่งขณะนี้ได้ปรับปรุงซ่อมแซม และมีความพร้อมในการรับสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว


นางเปลี่ยน นิราจันทร์ อายุ 68 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล เปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อปี 2554 ขณะที่ตนนั่งอยู่ภายในบ้าน ปรากฏว่าได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น ตนจึงรีบวิ่งเข้าไปหลบในหลุมหลบภัยที่ใกล้ที่สุด ซึ่งอยู่หน้าบ้านของตน ดีที่ปีนั้นอายุยังไม่มาก ยังพอมีเรี่ยวแรงสามารถวิ่งหนีเข้าไปยังหลุมหลบภัยได้ แต่ในปีนี้อายุเยอะแล้ว ไหนจะโรคประจำตัวก็มาก ทั้งโรคหัวใจ ซึ่งเสียงปืน ระเบิดในเหตุการณ์ปะทะในครั้งนั้นตนยังจำเสียงได้เป็นอย่างดีว่าเป็นเช่นไร แต่ถ้าหากมีการปะทะ ทางราชการหรือหน่วยงานก็ควรต้องแจ้งก่อน ตนจึงจะอพยพหนีทัน ซึ่งจริงๆ แล้วตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกเพราะส่งผลกระทบต่อการทำมาหากินของชาวบ้านในพื้นที่ด้วย และอยากให้ทุกฝ่ายเจรจาจบลงด้วยดี ไม่ต้องมีการปะทะกัน


ขณะที่ นางสุวรรณี ปัทมะ อายุ 68 ปี เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อทราบข่าวว่ากัมพูชาได้หันปากกระบอกปืนมาที่ฝั่งไทย ตอนนี้พวกตนเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมตลอดเวลา เผื่อเกิดเหตุการณ์สู้รบขึ้นมาจะได้หนีทัน ซึ่งตนมองว่าในปีนี้มีทหารจากหลายหน่วยมาประจำที่ชายแดนพระวิหาร เป็นจำนวนมาก อาจจะมีการปะทะก็เป็นได้ แต่ตนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่อยากให้มีการปะทะกัน เพราะทำให้ชาวบ้านไม่มีความสุข ประกอบอาชีพก็ไม่ได้ ต้องคอยระวังตลอดเวลา แต่ถ้ามีเหตุการณ์พวกตนก็ต้องอพยพออกจากพื้นที่ทันที

"ขณะนี้จากการที่สอบถามทำให้ทราบว่ามีชาวบ้านเริ่มทยอยออกจากพื้นที่เยอะแล้ว โดยไปอาศัยอยู่ตามบ้านญาติพี่น้องหรือไปหาเช่าบ้านอยู่ก่อน ซึ่งมองว่าหากปีนี้มีการปะทะจะรุนแรงและน่ากลัวกว่าปี 2554 เป็นอย่างมาก" นางสุวรรณีกล่าวในตอนท้าย







ทหารกัมพูชาตั้งปืนใหญ่หันปลายกระบอกปืนเข้าหาไทย










กำลังโหลดความคิดเห็น