อุบลราชธานี - เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ มูลนิธิรณสิทธิ์ และ พม.อุบลฯ วางแผนเข้าช่วยเหลือ 2 เด็กหญิงวัย 14 ปี หลังได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองว่าถูกแม่เล้าล่อลวงไปค้าประเวณี เผยเด็กได้ค่าตัวครั้งละ 1,500 บาท แม่เล้าจะหักค่าหาแขกรายละ 500 บาท
เมื่อเวลา 21.30 น. คืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) นายสะอาด วงศ์รักษ์ นายอำเภอเดชอุดม สั่งการให้นายราเยส ราย ปลัดอำเภอเดชอุดม ประสานงาน พ.ต.อ.วีรพันธ์ นาคสุข ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเดชอุดม นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี วางแผนนำกำลังเข้าจับกุมนางสาวนงลักษณ์ หรือเจ๊ไก่ อาจอ่อนศรี อายุ 35 ปี พร้อมของกลางธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ที่ถ่ายเอกสารสำหรับทำการล่อซื้อประเวณี จำนวน 3 ฉบับ บริเวณถนนด้านหน้าโรงแรม หลังจากที่นางสาวนงลักษณ์นำสองเด็กหญิงวัย 14 ปี มาส่งให้สายสืบที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองเดชอุดม
การเข้าจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากที่นายพุทธ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ลุงของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ได้เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอเดชอุดม และมูลนิธิรณสิทธิ์ หลังพบว่าหลานสาวมีเงินใช้ผิดปกติหลังจากที่ไปรู้จักกับเด็กหญิงบี (นามสมมติ)อง อายุ 14 ปี เมื่อเค้นถามเด็กหญิงเอได้ยอมรับสารภาพว่าถูกนางสาวนงลักษณ์ล่อลวงให้มาค้าบริการ โดยจะได้ค่าจ้างครั้งละ 1,500 บาท นางสาวนงลักษณ์จะได้ส่วนแบ่ง 500 บาทต่อครั้ง
จากการสืบสวน และเฝ้าติดตามพฤติกรรมของนางสาวนงลักษณ์ พบว่ามีการประกาศขายบริการทางเพศในกลุ่มลับทางโซเชียล เป็นตามที่นายพุทธให้การต่อเจ้าหน้าที่ จึงได้วางแผนส่งสายสืบเข้าล่อซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงโดยมีการนัดหมายที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองเดชอุดม
เมื่อถึงเวลานัดหมายนางสาวนงลักษณ์ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีแดง ดำ หมายเลขทะเบียน 2 กณ 4124 อุบลราชธานี นำเด็กหญิงเอ และเด็กหญิงบีมาส่งที่โรงแรม สายสืบได้มีการส่งมอบเงินที่ทำการถ่ายเอกสารการล่อซื้อให้นางสาวนงลักษณ์ และส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบ จึงได้เข้าทำการจับกุมตัวพร้อมธนบัตรของกลาง
จากนั้นเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานีจึงได้เข้าคุ้มครองเด็กหญิงเอ และเด็กหญิงบี ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและดูแลสภาพจิตใจตามกระบวนการ
ขณะเดียวกัน ได้แจ้งข้อหานางสาวนงลักษณ์ว่า แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี โดยการค้าประเวณี การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น เป็นธุระจัดหาหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมกันเป็นผู้จัดให้เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจาร ฯลฯ ซึ่งมีโทษหนักจำคุก 15-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับสูงสุดถึง 2 ล้านบาท
นายรณสิทธิ์เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว ทางมูลนิธิและฝ่ายปกครองได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของเหยื่ออายุ 14 ปี ว่าหลานสาวถูกล่อลวงไปค้าบริการทางเพศ จึงได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าวพบว่าเป็นจริงตามที่แจ้ง และยังมีการโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้นำพาไปขายบริการทางเพศ ทางฝ่ายปกครองจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการวางแผนเข้าจับกุมและช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 14 ปีได้ทั้ง 2 คน ปัจจุบันเด็กได้อยู่ในกระบวนการคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แล้ว