xs
xsm
sm
md
lg

อย่าแตกตื่น! สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ ชี้ลูกไฟใหญ่สีเขียวบนฟ้าและเสียงดังสนั่นหลายพื้นที่ทั่วไทยเป็นดาวตกชนิดระเบิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ชี้แจงกรณีพบเห็นลูกไฟสีเขียวใหญ่บนฟ้าและเสียงดังสนั่นในหลายพื้นที่ของประเทศไทยช่วงคืนวันที่ 3 ส.ค. 68 คาดเป็นดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์


จากกรณีที่มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนสามารถถ่ายภาพเสียงระเบิด และลูกไฟสีเขียวที่พุ่งเป็นทางยาวเหนือท้องฟ้าเมืองไทยในหลายพื้นที่ทั้งภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชาในหลายจังหวัด และได้โพสต์แชร์เมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ส.ค. 68) ล่าสุดได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญของสถานบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติออกมาแล้ว เพื่อหยุดความแตกตื่น และเพื่อให้เข้าใจปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของดาราศาสตร์เหนือท้องฟ้าเมืองไทย

ทั้งนี้ นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร. หรือ NARIT) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เผยว่า ทางสถานบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ ได้ตรวจสอบ และได้ออกหนังสือชี้แจงกรณีที่มีรายงานการพบลูกไฟสีเขียวสว่างวาบ พาดยาวบนท้องฟ้า ช่วงคืนวันที่ 3 ส.ค. 68 ตามด้วยเสียงดังสนั่นที่ได้ยินพร้อมกันหลายพื้นที่ ทั้งในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่พบรายงานความเสียหายหรือการเกิดอันตรายแต่อย่างใด จากหลักฐานที่รวบรวมได้ เช่น ข้อมูลการโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ภาพถ่าย และวิดีโอ เบื้องต้นคาดว่าอาจคือ ดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ เป็นเหตุการณ์ที่สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์


จากข้อมูลที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอและภาพถ่ายในโซเชียลมีเดียช่วงคืนวันที่ 3 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 23.52-23.55 น. หลายพื้นที่ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร อ่างทอง นครนายก นนทบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ สุรินทร์ มีข้อมูลรายงานพบเห็นลูกไฟสีเขียวขนาดใหญ่วิ่งพาดผ่านท้องฟ้าเป็นแนวยาวประมาณ 10 วินาที พุ่งจากทางทิศตะวันออก พร้อมได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายเสียงระเบิดตามมา

จากคุณสมบัติเหล่านี้ คาดว่าเป็นดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ที่มีความสว่างมากกว่าแมกนิจูดปรากฏ -14.0 เป็นต้นไป (สว่างมากกว่าดวงจันทร์เต็มดวง) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีระดับความสูงอยู่ที่ 80 ถึง 120 กิโลเมตร จึงสามารถสังเกตเห็นได้หลายพื้นที่ในประเทศไทย นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 17 ก.ค.-24 ส.ค.ของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseids) จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า ดาวตกชนิดระเบิดดวงนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของฝนดาวตกดังกล่าว ที่จะมีอัตราการตกเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 100 ดวงต่อชั่วโมง ในคืนวันที่ 12 ถึงรุ่งเช้า 13 ส.ค. 68


สำหรับฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อ “ฝนดาวตกวันแม่” เกิดจากเศษฝุ่นของดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) ที่หลงเหลืออยู่ในแนววงโคจร เมื่อโลกเคลื่อนผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น เศษฝุ่นจะถูกแรงโน้มถ่วงดึงเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและลุกไหม้จนเกิดเป็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า ฝนดาวตกนี้มีลักษณะเด่นคือดาวตกสีเขียวสดใสจากองค์ประกอบของแมกนีเซียม เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไม่มีผลกระทบต่อโลก ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อสีของดาวตก เกิดจากองค์ประกอบทางเคมีของดาวตก และรวมถึงชนิดของก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก เมื่อดาวตกพุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก จะเกิดการเสียดสีจนมีความร้อนสูง และเกิดการเผาไหม้ และเปล่งแสงออกมาในช่วงคลื่นต่างๆ เราจึงมองเห็นสีของดาวตกปรากฏในลักษณะที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสองปัจจัย ได้แก่ องค์ประกอบทางเคมี โมเลกุลของอากาศโดยรอบ

ทั้งนี้ ในแต่ละวันจะมีวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกเป็นจำนวนมาก เราสามารถพบเห็นได้เป็นลักษณะคล้ายดาวตก และยังมีอุกกาบาตตกลงมาถึงพื้นโลกประมาณ 44-48.5 ตันต่อวัน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน จึงไม่สามารถพบเห็นได้ ดาวตกนั้นจึงเป็นเรื่องปกติและสามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์






กำลังโหลดความคิดเห็น