เชียงใหม่ - ชาวท่าตอน แม่อาย รวมถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ริมลุ่มน้ำกกตลอดแนว นับวันยิ่งผวาน้ำกกปนเปื้อนสารหนู-โลหะหนักจากเหมืองว้า..หลังตรวจพบปัสสาวะเด็ก 6 ขวบ มีประวัติเคยลงเล่นน้ำกก ปนเปื้อนสารพิษ ขณะที่ชาวประมงน้ำกกเกิดตุ่ม-ผื่นคันเต็มตัว ล่าสุดยังไม่มีหน่วยงานไหนดูแลชี้แจงชาวบ้านอย่างเป็นทางการ
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ชาวบ้านแก่งทรายมูล หมู่ 14 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ รวมถึงหมู่บ้านอื่นๆ ตลอดแนวลุ่มน้ำกก ต่างยิ่งวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสารหนู-โลหะหนัก จากเหมืองทอง-เหมืองแรร์เอิร์ท เขตว้า ในพื้นที่รัฐฉานตอนใต้ที่เป็นต้นน้ำ ปนเปื้อนในแม่น้ำ
หลัง อสม.บ้านแก่งทรายมูล ร่วมกับโรงพยาบาลชุมชนบ้านท่าตอนได้นำเอาปัสสาวะของ ด.ช.ธนธร อายุ 6 ขวบ เด็กนักเรียนโรงเรียนเพียงหลวง (ท่าตอน) ส่งตรวจ แล้วได้พบว่ามีสารพิษประเภทสารหนู เกินกว่ามารตฐานในร่างกาย
นางจ่าม คิงลู อายุ 28 ปี นายอรุณ คำอ้าย อายุ 41 ปี แม่-พ่อของ ด.ช.ธนธร เล่าว่าทาง อสม.และหมอ รพ.สต.ท่าตอนได้เอาปัสสาวะลูกไปตรวจหาสารพิษในร่างกายหลายวันแล้ว ต่อมาผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาแจ้งว่าตรวจพบสารพิษในร่างกายลูกชายเกินมารตฐาน ซึ่งเป็นการมาบอกด้วยปาก ไม่มีเอกสารทางส่วนราชการมาแจ้งหรือยืนยัน แต่ก็สร้างความตกใจและกังวลมาก นอนไม่หลับเลยกลัวว่าลูกจะเป็นอะไรในวันต่อๆ ไป วันนี้ก็ไม่สบายตัวร้อนเลยให้หยุดเรียนสัก 2-3 วัน
ทั้งนี้ คาดว่าลูกอาจจะแอบลงไปเล่นน้ำกกเมื่อช่วงที่ยังไม่ขุ่น ก่อนน้ำท่วมปีที่แล้วด้วยซ้ำ และในช่วงนี้ตั้งแต่มีข่าวสารพิษในน้ำกกเกินมารตฐาน ก็ห้ามลูกหลานลงเล่นเด็ดขาด พอทาง อสม.และ รพ.สต.เอาไปตรวจก็ทราบว่ามีสารพิษในร่างกาย จึงอยากขอทางภาครัฐจริงจังในการปฏิบัติงานเมื่อพบสารพิษในร่างกายก็อยากให้มาตรวจใหม่ ถ้ามีสารพิษจริงๆ แล้วควรจะนำเด็กไปทำการรักษา
นายก๊อป โกฏคำ อายุ 42 ปี ชาวบ้านแก่งทรายมูล ที่สัมผัสน้ำกกโดยตรง แจ้งว่าตัวเขาเองอาศัยลำน้ำกกหาปลาขายตั้งแต่เด็กจนอายุตอนนี้ 41 ปี เกิดตุ่มและผื่นคันออกตามลำตัว ไปหาหมอได้ยาทามาทาบริเวณที่เป็นดีขึ้นคือ เป็นๆ หายๆ แต่ก็ยังไม่เคยตรวจว่าในร่างกายมีสารพิษหรือไม่
“ที่ผ่านมาเคยมีหลายหน่วยงานมาขอให้หาปลามาให้เพื่อจะนำไปตรวจหาสารพิษ พอได้ปลาแล้วก็ไม่มีคำตอบกลับมาเลยหายไปเลย จึงไม่ทราบว่ามีสารพิษในตัวปลาลำน้ำกกจริงไหม แต่ตัวเองนั้นสัมผัสกับน้ำกกมาตั้งแต่เล็กหาปลามาขายและไปกันหลายคนที่หาปลามาขาย ก็ยังไม่ได้ตรวจหาสารพิษในร่างกาย ไม่มีหน่วยงานไหนมาตรวจ”
ซึ่งการสุ่มตรวจนั้นส่วนราชการก็ควรจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพื่อจะรอตรวจ หรือนำภาชนะมาใส่ปัสสาวะแล้วเขียนชื่อที่อยู่ส่งให้ก็ได้ อยากให้ภาครัฐมาทำการช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง ไม่ใช่ปิดข่าว เวลาผู้ว่าฯ ลงมาก็มีหลายหน่วยงานมาช่วย พอผู้ว่าฯ กลับก็หาย เหมือนไม่มีอะไร ส่วนหน่วยงานสิ่งแวดล้อม ที่มานั่งเฝ้าตรวจน้ำกกอยู่ที่ท่าตอน ก็ตรวจอย่างเดียวไม่มีใครมาให้ความรู้ว่าสารพิษเหล่านี้มีอันตรายอย่างไรเพื่อจะให้ชาวบ้านรับทราบพร้อมปฏิบัติอย่างถูกต้องปลอดภัย