เพชรบุรี - มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จับมือ 2 จังหวัด เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ พัฒนาท้องถิ่น ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
วันนี้ (17 มี.ค.) ณ ห้องประชุมพะนอมแก้วกำเนิด อาคารสุเมธตันติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการประสานความร่วมมือทางวิชาการและปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี กับจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยมี พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เป็นสักขีพยาน ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี กับ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสนาะ กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ร้อยตำรวจโทภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอำเภอและหัวหน้าส่วนราชการคณะเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากทั้ง 2 จังหวัดเข้าร่วม
โอกาสนี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ได้มอบแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น โดยให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือ เพื่อให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง สอดคล้องกับการดำเนินงานที่น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสู่การขับเคลื่อนพันธกิจให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของประเทศจนทำให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสนาะ กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีความยินดีที่ได้ทำงานร่วมกันกับทั้ง 2 จังหวัด ในการขับเคลื่อนกิจกรรมและโครงการต่างๆ ซึ่งส่งผลให้มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับ SCD University Rankings 2024 (มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน) ลำดับที่ 1 เป็นเวลา 4 ปีซ้อนติดต่อกัน โดยความสำเร็จนี้เกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีเป้าหมายที่จะนำจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ชุมชนของทั้งสองจังหวัดมาพัฒนาศักยภาพและต่อยอดในเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง โดยการลงนามในครั้งนี้เพื่อสร้างความร่วมมือในการสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชน พัฒนาศักยภาพของบุคลากร ระบบ และกลไกของชุมชนให้มีทักษะ ความรู้ และความสามารถในด้านต่างๆ
รวมถึงประสานความร่วมมือทางด้านวิชาการในการจัดทำแผนพัฒนาชุมชน การจัดระบบข้อมูลองค์ความรู้งานวิจัยเพื่อพัฒนนวัตกรรมและการสื่อสารงานพัฒนาของชุมชนในด้านต่างๆ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษาและศิลปวัฒนธรรม
วันนี้ (17 มี.ค.) ณ ห้องประชุมพะนอมแก้วกำเนิด อาคารสุเมธตันติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการประสานความร่วมมือทางวิชาการและปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี กับจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยมี พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เป็นสักขีพยาน ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี กับ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสนาะ กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ร้อยตำรวจโทภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอำเภอและหัวหน้าส่วนราชการคณะเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากทั้ง 2 จังหวัดเข้าร่วม
โอกาสนี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ได้มอบแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น โดยให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือ เพื่อให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง สอดคล้องกับการดำเนินงานที่น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสู่การขับเคลื่อนพันธกิจให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของประเทศจนทำให้เกิดการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสนาะ กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีความยินดีที่ได้ทำงานร่วมกันกับทั้ง 2 จังหวัด ในการขับเคลื่อนกิจกรรมและโครงการต่างๆ ซึ่งส่งผลให้มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับ SCD University Rankings 2024 (มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน) ลำดับที่ 1 เป็นเวลา 4 ปีซ้อนติดต่อกัน โดยความสำเร็จนี้เกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีเป้าหมายที่จะนำจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ชุมชนของทั้งสองจังหวัดมาพัฒนาศักยภาพและต่อยอดในเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง โดยการลงนามในครั้งนี้เพื่อสร้างความร่วมมือในการสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชน พัฒนาศักยภาพของบุคลากร ระบบ และกลไกของชุมชนให้มีทักษะ ความรู้ และความสามารถในด้านต่างๆ
รวมถึงประสานความร่วมมือทางด้านวิชาการในการจัดทำแผนพัฒนาชุมชน การจัดระบบข้อมูลองค์ความรู้งานวิจัยเพื่อพัฒนนวัตกรรมและการสื่อสารงานพัฒนาของชุมชนในด้านต่างๆ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษาและศิลปวัฒนธรรม