พระนครศรีอยุธยา - ผบช.ภ.1 แถลงผลงานตำรวจอยุธยา จับแก๊งลักตัดสายเคเบิลขบวนการใหญ่ทำเป็นทีม มีรถยนต์กว่า 10 คัน แสดงละครเป็นช่างเดินสายเคเบิลมาทำงานก่อนลงมือก่อเหตุ พบทำมาแล้ว 26 ครั้ง ในหลายท้องที่ มูลค่าความเสียหายกว่า 63 ล้านบาท
เวลา 16.00 น วันนี้ (26 ก.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พล.ต.ต โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนชุดจับกุม และคณะ กต.ตร. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการตระเวนลักสายเคเบิลรายใหญ่ พร้อมด้วยของกลางจำนวนหลายรายการ
ในช่วงระหว่างวันที่ 18-19 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายก่อเหตุลักลอบตัดสายเคเบิล สายโทรศัพท์ที่มีการเดินสายไว้ใต้ดินในพื้นที่ของอำเภอเสนา อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับความเสียหายทั้งทรัพย์สินของทางบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และผลความเสียหายทางธุรกิจที่ไม่สามารถสื่อสารกันได้ รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 กล่าวว่าหลังรับรายงานเหตุได้สั่งการให้ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.โกมล กลิ่นประชุม ผกก.สภ.เสนา เร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย สอบสวนพยาน ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด
จนพบพฤติกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้จะใช้ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์กระบะ รถยนต์เก๋ง จำนวนกว่า 10 คัน ผู้ก่อเหตุจำนวนหลายคน จะใช้เวลากลางคืน ทำทีเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทระบบสื่อสาร มาทำการเจาะขุด เปิดฝาปิดท่อ สายเคเบิลใต้ดิน ตัดสายเอาไว้ก่อนหัวท้ายแล้ว อีกหนึ่งวันจะใช้รถยนต์กระบะลากเอาสายเคเบิลที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาแล้วทำการตัดสายเคเบิลเป็นท่อนๆ ทำทีเป็นช่างที่ติดตั้งวางระบบสายเคเบิลใต้ดิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย เชื่อว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุในพื้นที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ประมาณ 3 วัน จนพบว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 25 กันยายน 2567 พบว่า กลุ่มรถยนต์ที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุกลับเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีกจริง และลงมือก่อเหตุจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม กลุ่มคนร้ายบางส่วนขับรถยนต์หลบหนี จนรถเกิดอุบัติเหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้
จากการจับกุมคนร้าย ได้ผู้ต้องหา จำนวน 5 คน พร้อมด้วยของกลาง อุปกรณ์ คีมตัดสายไฟ เครื่องมือช่าง ไม้กระบองสัญญาณไฟกะพริบ เสื้อสะท้อนแสง เสื้อช่าง และสายเคเบิลจำนวนหลายรายการ หลังจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 13 คน จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มอีก 6 คน ตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุจำนวน 8 คัน
พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า การก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายนี้ทำกันเป็นขบวนการ แบ่งงานกันเป็นทีม มีคนคอยสเกาท์ ดูความปลอดภัย ทั้งต้นทางปลายทาง มีการแต่งกายทั้งชุดช่าง และชุดสะท้อนแสง กระบองไฟจราจร เพื่อให้ประชาชนที่ผ่านมาหรือเจ้าหน้าที่เห็นคิดว่าเป็นช่างมาทำการซ่อมเดินสายเคเบิล หากมีเจ้าหน้าที่ หรือมีชาวบ้านเข้าไปสอบถามจะมีการแสดงเอกสารการว่าจ้างงานมาแสดงให้ดู
ความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท แต่ยังไม่รวมมูลค่าความเสียหายทางธุรกิจที่จะต้องติดต่อสื่อสารกัน ถือว่าเป็นสมบัติทรัพย์สินของชาติ พี่น้องประชาชน ขอให้ช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที โทร. 191 ทราบจากทางเจ้าหน้าที่ บริษัท โทรคมนาคม ในช่วงเวลากลางคืนจะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ หากพบเห็นให้เชื่อได้เลยว่าเป็นโจรแน่นอน
นายณรงค์ ดวงศรีแสง รักษาการ โทรคมนาคมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทางบริษัทไม่มีนโยบายส่งพนักงานไปทำงานในช่วงเวลากลางคืน หากมีความจำเป็นที่จะต้องทำจริงๆ จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในเบื้องต้น จาการสืบสวนขยายผลกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ ทั้งที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ที่เราจับกุมแล้ว ออกหมายจับแล้ว และยังไม่สามารถจับกุมได้ มีคนร้ายรวมขบวนการทั้งหมด 58 คน ก่อเหตุมาแล้ว 26 ครั้ง ในหลายท้องที่ มีการก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งที่ผ่านมา หากถูกจับกุมจะมีการประกันตัวเพื่อออกมาก่อเหตุอีก โดยก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่ ทั้งที่ จังหวัดโคราช จังหวัดแพร่ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดชลบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี
ทั้งนี้ ทางด้านโทรคมนาคม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อเหตุมาแล้ว 26 ครั้ง ในหลายท้องที่ มูลค่าความเสียหาย กว่า 63 ล้านบาท อีกทั้งกลุ่มคนร้ายยังมีพฤติกรรมแสบ ปลอมแปลงเอกสาร ทำเอกสารเท็จ เพื่อนำไว้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูเมื่อมีการตรวจสอบ รวมถึงบางครั้งลงทุนแจ้งความเท็จเพื่อให้มีเอกสารยืนยันว่าได้รับมอบหมายหรือรับประมูลมา เพื่อให้ตำรวจเชื่อว่าได้รับมอบหมายได้สิทธิในการรื้อสายเคเบิลเพื่อปรับปรุงท่อร้อยสาย เพื่อไม่ให้โดนจับอีกด้วย