xs
xsm
sm
md
lg

อำเภอศรีราชายกโครงการชุมชนบำบัด สภ.บ่อวิน นำร่องแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - นอภ.ศรีราชา ประกาศยกระดับโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน สภ.บ่อวิน เป็นโครงการนำร่องแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ หลังประสบผลสำเร็จนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนบำบัดคืนคนดีสู่สังคม สร้างความมั่นใจผู้ประกอบการรับเข้าทำงานเชื่อไม่กลับสู่วังวนเดิมอีก 

วันนี้ (13 ก.ย.) นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นประธานปิดโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนในพื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลภายใต้การดำเนินงานของ สภ.บ่อวิน ที่ได้ประสานความร่วมมือจากทั้งผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.เขาคันทรง ขับเคลื่อนโครงการ ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.-31 ส.ค.2567 จนประสบผลสำเร็จและสามารถนำผู้เสพยาเสพติดที่สมัครใจเข้ารับการบำบัดจำนวน 37 คน ส่งคืนสังคมได้อย่างเต็มภาคภูมิ

และยังได้มอบเกียรติบัตรแก่ผู้ที่เข้ารับการบำบัดจนสามารถเลิกยาเสพติดได้อย่างจริงจังทั้ง 37 คน เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งในการที่จะไม่กลับเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยทั้ง 37 คนยังจะได้ร่วมสานต่อโครงการด้วยการแนะนำให้ผู้ติดยาเสพติดสมัครใจเข้ารับการบำบัดกับชุมชนต่างๆ ต่อไป

“เราได้รับความร่วมมือจาก สภ.บ่อวิน และได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก อบต.เขาคันทรง รวมทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาจนประสบผลสำเร็จ ซึ่งหลังจากนี้ไปจะได้ขยายผลการทำงานไปในพื้นที่ ม.9 โดยจะใช้โครงการที่ดำเนินงานในพื้นที่ ม.4 จนประสบผลสำเร็จเป็นพื้นที่นำร่องให้พื้นที่อื่นๆ เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมและแสดงให้เห็นถึงความจริงใจทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ อ.ศรีราชา” นายอำเภอศรีราชา กล่าว


ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ เผยว่าจากนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดช่วงเร่งด่วน 3 เดือน (มิ.ย.-ส.ค.2567) ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนในพื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติด ซึ่งในส่วนของ สภ.บ่อวิน ได้กำหนดให้พื้นที่วัดเขาคันทรง ม.4 ต.เขาคันทรง เป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินการตั้งแต่การคัดเลือกหมู่บ้าน ชุมชนเป้าหมาย

พร้อมจัดตั้งคณะทำงาน รวมทั้งสร้างความเข้าใจในรูปแบบการทำงานแบบมีส่วนร่วมทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดการบูรณาการชุมชนเข้มแข็งด้วยการสร้างการเรียนรู้และการตัดสินใจร่วมกันของคนในชุมชน ก่อนนำสู่กระบวนการคัดกรอง การวินิจฉัยทางการแพทย์ หรือจาก อสม.เพื่อนำผู้เสพยาเสพติดให้ได้เรียนรู้ถึงพิษภัยและนำเข้าสู่กระบวนการบำบัด รวมทั้งสร้างระบบการติดตามและการสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ โดยมีคนในชุมชนและครอบครัวร่วมสร้างกำลังใจจนประสบผลสำเร็จ

“ที่ผ่านมาเราได้รับความร่วมมือทั้งจากฝ่ายปกครอง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และประชาชนในหมู่บ้าน รวมทั้งผู้เสพในการเข้ารับบำบัดภายใต้รูปแบบการบำบัดของคนในชุมชน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการ 37 คน ซึ่งในวันนี้ทั้ง 37 คนปัสสาวะเป็นสีขาวแล้ว ซึ่งหมายถึงว่าจะไม่มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก”


พ.ต.อ.เอนก ยังบอกอีกว่า สภ.บ่อวิน ยังได้ประสานไปยังโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่ ต.เขาคันทรง เพื่อให้รับบุคคลที่เข้าร่วมโครงการซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วเข้าทำงาน ซึ่งขณะนี้สามารถส่งผู้เข้าร่วมโครงการเข้าทำงานได้แล้วประมาณ 20 คน ทำให้ทุกคนที่จับจ้องการดำเนินงานในโครงการนี้ได้ตระหนักว่าผู้ที่เข้าร่วมโครงการสามารถยืนอยู่ในสังคมได้ และได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน สังคมจนสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

“โครงการนี้ยังได้รับการยอมรับจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานโดย พล.ต.ท.นพดล ศรสำราญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ที่ปรึกษาโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน ว่ามีผลงานที่ดีเด่นซึ่งคาดว่าเราจะได้รับรางวัลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะสร้างขวัญและกำลังใจให้ทุกภาคที่ร่วมเสียสละเวลาและทุนทรัพย์ทำงานร่วมกันมานานถึง 3 เดือนได้เป็นอย่างดี หลังจากที่เรามีผลงานเป็นอันดับ 1 ของ จ.ชลบุรี”

และหลังจากปิดโครงการยังจะส่งต่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้สานต่อการทำงานในพื้นที่ต่างๆ และจะมี สภ.บ่อวิน เป็นพี่เลี้ยงที่จะช่วยติดตามในด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดต่อไป ซึ่งขณะนี้ อบต.เขาคันทรง ได้สนับสนุนงบประมาณในการขยายพื้นที่โครงการไปยัง ม.9 ต่อไป


ด้าน นายวิทยา หรือปุ้ย ซึ่งเป็น 1 ในผู้สมัครใจเข้ารับการบำบัดยาเสพติด เผยว่าตนใช้ยาเสพติดมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ แต่เป็นการใช้แบบใช้บ้างหยุดบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาเคยเข้ารับการบำบัดแต่ขั้นตอนเป็นไปแบบการบังคับจิตใจ ผิดกับโครงการของ สภ.บ่อวิน ที่เน้นการพูดคุยทำความเข้าใจเรื่องของพิษภัยของยาเสพติด

โดยมีผู้นำชุมชนเข้ามาร่วมให้กำลังใจและเมื่อได้เรียนรู้ถึงวิธีปฏิบัติตัวสามารถสร้างพลังใจในการที่จะเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างจริงจังได้

“เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มองว่าเราเป็นผู้เสพ แต่เขาเข้ามาแบบเพื่อนจึงทำให้เรามีกำลังใจที่จะเลิกยาเสพติดให้เด็ดขาด ซึ่งขณะนี้เราเลิกขาดแล้ววันนี้เราตระหนักแล้วว่า ยาเสพติดเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เสียทั้งสุขภาพ เสียทั้งเงิน ซึ่งในวันแรกอาจจะลำบากหน่อยแต่ต้องอดทนต่อความปวดเมื่อยเนื้อตัว แต่ใช้เวลาไม่นานแค่ 2 เดือนร่างกายก็เริ่มปรับตัวได้” นายวิทยา กล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น