xs
xsm
sm
md
lg

พิษ “หมูเถื่อน” ศึกใน ปชป.ปะทุ “เสี่ยต่อ” ซัด“ติ๊งต่าง”โง่ โดนฟาดกลับ เซลล์สมองน้อย **กางปีกป้อง!! กรมคุก อ้างหลักสิทธิมนุษยชน ห้ามใช้ “น.ช.”นำหน้าชื่อทักษิณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**พิษ “หมูเถื่อน” ศึกใน ปชป.ปะทุ “เสี่ยต่อ” ซัด“ติ๊งต่าง”โง่ โดนฟาดกลับ เซลล์สมองน้อย

“เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดโต๊ะชี้แจงแถลงไขเรื่อง “หมูเถื่อน” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวาน

หลักใหญ่ใจความก็เป็นการยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับผลประโยชน์จากขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อน แต่ก็มีขบวนการทางการเมืองพยายามโยงให้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง

ส่วน “เฮียเก้า” นายหลี่ เซิ่งเจียว นักธุรกิจชาวจีน ที่ถูกดีเอสไอออกหมายจับ ก็ยอมรับว่าเป็นญาติ เพราะคนจีนในไทยทุกตระกูลก็มีญาติที่เมืองจีนกันทั้งนั้น แต่ “เฮียเก้า” ก็ไม่ใช่พี่น้องต่างมารดา เพราะพ่ออายุ 80 แล้ว ตั้ังแต่มาอยู่เมืองไทยก็ไม่เคยกลับไปจีนอีกเลย

ส่วน “เฮียเกียรติ” สมเกียรติ กอไพศาล เลขานุการส่วนตัวที่ถูกจับในคดีเดียวกันกับ “เฮียเก้า” เมื่อวันก่อน “เสี่ยต่อ” บอกว่า สบายใจที่เขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนจะไม่ก้าวก่าย และยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ถ้าทำผิดจริงก็รับโทษ ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้น

จบประเด็นเรื่องหมูเถื่อน “เสี่ยต่อ” ก็แถลงแฉลบไปถึงประเด็นข้างเคียง เพื่อเอาคืน “ติ๊งต่าง” กาญจนี วัลยะเสวี สาวไฮโซสปอร์ตคลับ หรือราชกรีฑาสโมสร แม่ยกประชาธิปัตย์สาย “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ที่เมื่อวันก่อน ฉวยโอกาสที่คนใกล้ตัว “เสี่ยต่อ” ถูกหมายจับคดีหมูเถื่อน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “Kanjanee Valyasevi” ด้อยค่า “เสี่ยต่อ”แบบรัวๆ

ที่ทำให้ “เสียต่อ” ถึงกับควันออกหู ไม่ไหวจะทน ก็เป็นโพสต์เมื่อ เวลา 10.35 น. ของวันที่ 15 มกราฯ ที่มีภาพ “เสี่ยต่อ” พร้อมด้วย “เดชอิศม์ ขาวทอง” และ “ชัยชนะ เดชเดโช” อยู่ในกลุ่มนักธุรกิจจีน โดย “ไฮโซติ๊งต่าง” ได้เขียนแคปชั่นว่า

“อุ๊ย!! หัวหน้าพรรค ปชป.และผู้บริหารพรรค ไปทำอะไรกับบุคคลที่ DSI ออกหมายจับ (ชื่อเฮียเก้า ที่เขาลือกันว่าเป็นทุนจีนเทา และเกี่ยวพันกับนักการเมืองดัง)

“เรื่องนี้ นายเฉลิมชัย นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ ต้องตอบ และชี้แจงต่อสาธารณะอย่างชัดเจน เพราะคุณมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในพรรคประชาธิปัตย์

“การไปพัวพันกับทุนต่างชาติ จะเป็นอันตรายต่อพรรค ปชป. #สมาชิกประชาธิปัตย์เขารอฟังคำตอบ”

ไม่เท่านั้น ในเฟซบุก Kanjanee Valyasevi ยังตามมาด้วยข้อความเหน็บแนมต่างๆ นานา เช่นว่า “ฉาวโฉ่ขนาดนั้นยังทนได้ เป็นฉันลา ออกไปแล้ว”

“ขอถามว่า .. เฮียเก้า คนที่กำลังมีข่าวพัวพันเรื่องหมูเถื่อน เป็นเฮียเก้าคนเดียวกันกับที่นายเฉลิมชัย พูดถึงในที่ประชุมว่าที่ผู้สมัคร สส.ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาหรือเปล่า #แหล่งข่าวบอกมาอ่ะค่า”

โดนขยี้ซะขนาดนี้ เมื่อวาน “เสี่ยต่อ” เลยแถลงโต้กลับ แบบจัดหนักจัดเต็ม ถึงขั้นว่า “ไฮโซติ๊งต่าง” นั้น โง่เขลา มีแต่ความไม่รู้

พร้อมแจงว่า ภาพที่ “ติ๊งต่าง” นำมาโพสต์นั้น เป็นภาพตอนไปพบกับ นาย อู๋ เอิน ฮุย ประธานหอการค้าเหอหนาน ซูเจี้ยน ที่ประเทศจีน โดยคนจีนกลุ่มนี้ คือ นักธุรกิจที่ตนเชิญร่วมลงทุนอีอีซี ที่ระยอง เป็นกลุ่มเดียวกับที่ “นายกฯเศรษฐา” ไปพบตอนเยือนประเทศจีน และได้ถ่ายรูปด้วยเช่นกัน

เฉลิมชัย ศรีอ่อน
“เสี่ยต่อ” ขยี้ซ้ำว่า “ติ๊งต่าง” เอารูปนี้มาลงโซเชียลฯ หวังจะโยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของตนกับ “เฮียเก้า” ถือเป็นความไม่รู้ โง่เขลา ทำให้เกิดความเสียหายทั้งประเทศ ไม่ดูเลยว่ารูปที่เอาไปลง มีผลกระทบอะไรกับประเทศ เป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้าเขาไม่มาลงทุน “ติ๊งต่าง” ต้องรับผิดชอบด้วย

“เสี่ยต่อ” แถลงทิ้งท้าย เรียกร้องให้ “ติ๊งต่าง” เลิกใช้คำว่า “แม่ยกประชาธิปัตย์” เสียที และเลิกมายุ่งกับพรรคอีก พร้อมไล่ตะเพิด “แก่แล้วเข้าวัดเข้าวาดีกว่า อายุเยอะแล้วเข้าวัดเข้าวาไป”

โดนพาดพิงแบบจัดหนักขนาดนี้ ระดับ “ไฮโซติ๊งต่าง ณ สปอร์ตคลับ” หรือจะยอม โพสต์เฟซบุ๊กโต้ตอบทันที ตั้งตอนบ่ายโมง เมื่อวาน ว่า “ฟาดมาฟาดกลับ ขอชี้แจงนายเฉลิมชัย ตามนี้

“1. ฉันไม่ได้เรียกตนเองว่าเป็นแม่ยก ปชป. สื่อเป็นคนตั้ง (ใครจะอุบาทว์ไปตั้งสมญานามให้ตนเอง)

“2.พรรค ปชป.เป็นพรรคของเฉลิมชัยเหรอ จึงจะมาสั่งว่าไม่ให้ฉันมายุ่งเกี่ยวกับพรรค ที่ผ่านมาฉันทำเพื่อพรรคมาตลอด ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนจากการเป็นสมาชิกพรรค ไม่เคยเอาพรรคไปทำมาหาเงินเข้ากระเป๋า จะทำอะไรก็ระมัดระวังมาตลอด กลัวพรรคจะเสียหาย ไม่ต้องการให้พรรคแปดเปื้อน

“3.ฉันยังไม่ได้กล่าวหาอะไรคุณเลยสักนิด จะโมโหโกรธาอะไรขนาดนั้น แค่ถามว่าไปถ่ายรูปกับบุคคลที่สังคมกำลังสงสัย และถูก DSI ออกหมายจับ ไปถ่ายรูป ไปสังสรรค์กับเขาทำไม เพราะคุณเป็นถึงหัวหน้าพรรค ปชป.นะ และคนในรูปนั้นถูกกล่าวหาโดย DSI นะ ไม่ใช่ฉัน

“4.ฉันจะยังคอยปกป้องพรรค ปชป.ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ที่ผ่านมาก็ปกป้องมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ

“5.การออกมาถามคุณเรื่องทุนจีนเทา น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งประเทศไทยและจีน จีนเขาไม่ชอบพวกจีนเทาหรอก #ดังนั้นฉันมั่นใจว่า ได้ทำหน้าที่คนไทยที่รักประเทศชาติ

“แค่นี้พูดไม่ได้เหรอ อย่าลืมว่าคุณเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะ ถามนิดถามหน่อยโกรธจัดขนาดนี้เลยรึ”

และตอนเกือบบ่ายสาม “ติ๊งต่าง” โพสต์ตอบโต้ “เสี่ยต่อ” อีกชุด ด้วยสำนวนเยาะเย้ยถากถาง ว่า “รู้นะว่าตะเองโกรธเค้ามานาน โกรธทุกครั้งที่เค้าเขียน facebook คราวนี้คงชัดเจนนะ ว่าฉันเขียนวิจารณ์ด้วยตัวฉันเอง # โดยคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้เกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลัง

“ฉันก็เป็นสมาชิก ปชป. ทำไมจะไม่มีสิทธิ์รักและปกป้องพรรคได้

“คนเราถ้าทำดี ไม่ทำให้พรรคเสียหาย ฉันจะเอาอะไรไปว่าคุณได้ ที่ผ่านมาฉันเคยไปว่าใครในพรรค พูดไปก็มีแต่จะหยิกเล็บเจ็บเนื้อ

“ดังนั้นอย่าออกมาแถลงข่าวเลย ขอแสดงความเห็นอย่างจริงใจ เพราะคนเขาจะเห็นหมดเลยว่ามีเซลล์สมองกี่มากน้อย #อายแทนจ้ะ

“อย่ามาด่าฉันอีกนะ จะด่าก็ด่าน้อยๆ #ด่ามาด่ากลับ #อย่าด่าแบบโชว์โง่นะจ้ะ”

กาญจนี วัลยะเสวี
เรียกได้ว่า ปมแค้นในใจก็คงยังมีอยู่ ตั้งแต่เมื่อครั้งเลือกตั้งหัวหน้าพรรค เมื่อปลายปีก่อน ซึ่ง “ติ๊งต่าง” ก็คงช้ำใจไม่น้อย ที่ขวัญใจของตัวเองอย่าง “มาร์ค อภิสิทธิ์” กลับเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคไม่สำเร็จ พ่ายแพ้ให้กลุ่ม “เสี่ยต่อ” อย่างราบคาบ ต้องถอนตัวตั้งแต่ยังไม่ทันลงคะแนน

ถึงวันนี้ ต่างฝ่ายต่างก็พยายามอ้างความเป็นประชาธิปัตย์ “อภิสิทธิ์” แม้ออกจากพรรคไปแล้ว แต่ก็ประกาศทิ้งท้ายว่า เลือดยังเป็นสีฟ้า “ติ๊งต่าง” ก็อ้างว่าตัวเองก็เป็นสมาชิกประชาธิปัตย์ มีสิทธิที่จะปกป้องพรรคได้

ส่วน “เสี่ยต่อ” ก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าตนเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องทำเพื่อพรรค

เมื่อไม่มีใครยอมใครแบบนีั ศึกภายในพรรคตราแม่พระธรณี ก็คงจะยืดเยื้อต่อไป วันข้างหน้า หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเกิดมีเรื่องมีราวสะดุดขาตัวเอง ก็จะโดนอีกฝ่ายจับเอามาขยี้เพื่อด้อยค่าอีกฝ่าย ไม่มีวันจบสิ้น เช่นนี้แล.

**กางปีกป้อง!! กรมคุก อ้างหลักสิทธิมนุษยชน ห้ามใช้ “น.ช.”นำหน้าชื่อทักษิณ

ทักษิณ ชินวัตร
กว่า 140 วันเข้าไปแล้ว ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษเด็ดขาด ที่ยังไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว โดยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ และคาดว่าอีกไม่นานจะเข้าเกณฑ์การพักโทษ ได้กลับไปอยู่บ้านอย่างเปิดเผย

ทำให้เวลานี้ กระแสสังคมเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ กับการเป็น อภิสิทธิ์ชน เป็น นักโทษเทวดา มากขึ้นไปเรื่อยๆ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในประเด็นนี้ ที่ใครๆมองว่า “จุดไม่ติด” นั้นเริ่มไม่แน่นอนเสียแล้ว

เพราะคนอาจจน อาจรวยไม่เท่ากัน แต่กฎหมายต้องเท่าเทียมกัน!!

แต่ที่ผ่านมาฝ่ายอำนาจรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไล่เรียงมาตั้งแต่ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ในยุค “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รวมทั้งโรงพยาบาลตำรวจ ถูกมองว่า พยายาม “อุ้ม” ทักษิณ กันอย่างสุดฤทธิ์

ขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามที่เคลื่อนไหวคัดค้านอย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่มี “พิชิต ไชยมงคล” เป็นแกนนำ ก็เริ่มโหมกระแส เตรียมนัดชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 2 ก.พ.นี้

เช่นเดียวกับ “ชัยธวัช ตุลาธน “ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้ง “รุ้ง” น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำม็อบสามนิ้ว ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่อง “สองมาตรฐาน” ที่กระบวนการยุติธรรม มีต่อทักษิณ และนักโทษคนอื่นๆ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
แต่ดูเหมือนทางราชทัณฑ์ ก็ไม่ได้ยี่หระกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แถมยังพยายาม ยกระเบียบ ข้อกำหนด ข้อกฎหมายต่างๆ มาชี้แจงตอบโต้ เรียกว่าทั้งอุ้ม ทั้ง เชลียร์

ล่าสุดถึงกับอ้าง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ไม่ให้ใช้คำว่า “นักโทษชาย” หรือ “น.ช.” นำหน้าชื่อ ทักษิณ!!

โดยเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารชี้แจงอย่างเป็นงานเป็นการ ว่า ตามมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 “นักโทษเด็ดขาด” หมายความว่า บุคคลซึ่งถูกขังไว้ตามหมายจำคุกภายหลังคำพิพากษาถึงที่สุด และให้หมายความรวมถึงบุคคล ซึ่งถูกขังไว้ตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยการใช้คำนำหน้าชื่อว่า นักโทษเด็ดขาดชาย (น.ช.) หรือ นักโทษเด็ดขาดหญิง (น.ญ.) จึงเป็นเพียงถ้อยคำที่ใช้ในการแบ่งประเภทของนักโทษเด็ดขาด โดยใช้เพศเป็นเกณฑ์กำหนดเท่านั้น ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และการใช้คำนำหน้าชื่อเหล่านี้ จะใช้ในงานราชทัณฑ์ขณะถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ / ทัณฑสถานเท่านั้น

หากต้องมีการเปิดเผย ชื่อ-นามสกุล ออกสู่สาธารณชน จะไม่ใช้คำนำหน้าชื่อด้วย “น.ช.” หรือ “น.ญ.” เพื่อบ่งบอกสถานะความเป็นผู้ต้องขัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ในการคืนคนดีสู่สังคม รวมถึงอาจกระทบต่อสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขังด้วย

อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ มิได้เลือกปฏิบัติใช้คำนำหน้าชื่อว่า "นาย" เฉพาะกับนายทักษิณเท่านั้น โดยที่ผ่านมา หากต้องมีการเปิดเผยชื่อ–นามสกุล ของผู้ต้องขังรายอื่นๆ ออกสู่สาธารณชน จะใช้คำนำหน้าชื่อว่า นาย นาง หรือนางสาว เช่นเดียวกันกับการบันทึกข้อมูลทางการแพทย์ เมื่อออกไปรักษาโรงพยาบาลภายนอก รวมถึงระบบการบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน ก็จะใช้คำนำหน้าชื่อเป็น นาย นาง หรือ นางสาว เช่นเดียวกัน

กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญกับคำนำหน้าชื่อเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อมิให้เกิดการตีตรา หรือบ่งบอกสถานะความเป็นผู้ต้องขังไปตลอดชีวิต!!

อย่างนี้ต้องยกให้เลย “ราชทัณฑ์” หน่วยราชการดีเด่น


กำลังโหลดความคิดเห็น