xs
xsm
sm
md
lg

เศร้า! พบคนงานรายแรกเสียชีวิตแล้ว เร่งช่วยเหลืออีก 2 คนติดในอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เศร้า! พบคนงานรายแรกเสียชีวิตแล้ว หลังทีมกู้ภัยพยายามช่วยชีวิตสุดความสามารถ เร่งดำเนินการช่วยเหลืออีก 2 คนติดในอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่มให้สำเร็จในวันนี้ พร้อมเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่

วันนี้ (29 ส.ค. 67) นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์การช่วยเหลือแรงงานที่ติดค้างภายในอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่ม ช่วงสถานีรถไฟคลองขนานจิตร  อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นานเกือบ 5 วัน ซึ่งเกิดจากเหตุดินทรุดตัวภายในอุโมงค์ เมื่อเวลา 23.40 น.ของคืนวันที่ 24 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ว่า ล่าสุดวันนี้ เวลา 11.00 น. ได้รับแจ้งยืนยันจากทีมกู้ภัยของการรถไฟฯ และทีมกู้ภัย Hunan Sunshine จากประเทศจีน ว่าพบคนงานรายแรกที่ติดอยู่ในอุโมงค์เสียชีวิตแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุชื่อได้


โดยปฏิบัติการช่วยเหลือคนงานทั้ง 3 ราย ทีมงานกู้ภัยต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทั้งจากปัญหาดินสไลด์ลงมาจากด้านบนอุโมงค์อย่างต่อเนื่องทำให้ต้องใช้เวลาในการขุดดินเพิ่มมากขึ้น การดันท่อช่วยชีวิตแล้วติดชั้นหินจนเจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนวิธีเป็นการสร้างกล่องค้ำยัน เพื่อป้องกันดินและหินที่ไหลลงมาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการให้ความช่วยเหลือ


อย่างไรก็ตาม ทีมกู้ภัยยังคงทำงานกันอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อเร่งค้นหาคนงานที่เหลืออีก 2 ราย โดยยังคงมีความหวังว่าจะสามารถให้การช่วยเหลือได้ทัน และตั้งเป้าหมายว่าภายในวันนี้จะเร่งช่วยเหลือคนงานอีก 2 รายที่เหลือให้สำเร็จ


การรถไฟฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และพร้อมเยียวยาให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้กำลังใจทีมงานกู้ภัยทุกคน โดยขอให้อดทน และใช้ความระมัดระวัง เน้นความปลอดภัยในการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือคนงานอีก 2 ราย


ขณะเดียวกัน "ได้มอบหมายให้การรถไฟฯ ตั้งศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่เกิดเหตุ และจัดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทุกด้านประจำการที่ศูนย์ประสานงานฯ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนให้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่องอีกด้วย" นายเอกรัชกล่าวในตอนท้าย










กำลังโหลดความคิดเห็น