เชียงใหม่ - ชาวอำเภอดอยสะเก็ดหลายตำบลรวมตัวชุมนุม โวยยังเดือดร้อนหนักซ้ำซากจากปัญหากลิ่นเหม็นขยะของศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ พร้อมเตรียมทำหนังสือยื่นผู้ว่าฯ และนายก อบจ.เชียงใหม่ เรียกร้องให้ขนย้ายกองขยะสูงเท่าภูเขาไปกำจัดที่อื่น และจำกัดปริมาณขยะเข้าใหม่ จนกว่าโรงผลิตไฟฟ้าจากเตาเผาขยะจะแล้วเสร็จ ขณะเดียวกันจี้ให้แต่งตั้งตัวแทนประชาชนเป็นคณะทำงานกำกับติดตามการบริหารจัดการขยะอย่างใกล้ชิด ขีดเส้น 1 เดือน หากยังไร้ความคืบหน้า เตรียมนัดชุมนุมอีก
วันนี้(10 ส.ค.67) ที่บริเวณหน้าสนามกีฬาเทศบาลตำบลดอยสะเก็ด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มประชาชนและผู้อยู่อาศัยจาก 3 ตำบลของอำเภอดอยสะเก็ด ได้แก่ ตำบลป่าป้อง, ตำบลเชิงดอย และตำบลแม่โป่ง ที่อยู่โดยรอบและใกล้เคียงกับศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านป่าตึงน้อย ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนายชัยศิลป์ รินแก้ว ตัวแทนประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน ได้รวมตัวกันชุมนุมเพื่อสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนที่ได้รับจากกลิ่นเหม็นรุนแรงของขยะ ที่รบกวนและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตปกติประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ ที่ปัญหามีความรุนแรงอย่างมาก เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมามีการนำขยะเข้ามามากถึงวันละกว่า 500 ตัน ซึ่งเกินกว่าขีดความสามารถในการบริหารจัดการที่รองรับได้ไม่เกินวันละ 300 ตัน จึงเกิดขยะสะสมจำนวนมหาศาลจนกลายเป็นภูเขาสูงกว่า 7 เมตร
ทั้งนี้ทางตัวแทนชาวบ้านได้ผลัดเปลี่ยนกันปราศรัยบอกเล่าสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนที่ได้รับ พร้อมทั้งมีการยื่นข้อเสนอเรียกร้องในการแก้ไขปัญหา และมีการตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อผู้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งพบว่ามีชาวต่างชาติที่อาศัยในพื้นที่ร่วมลงชื่อด้วย เพื่อเตรียมยื่นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ พิจารณาดำเนินการภายใน 1 เดือน
สำหรับข้อเสนอเรียกร้องของผู้ชุมนุม ได้แก่ ห้ามนำขยะที่กองอยู่เดิมออกมาคัดแยก เพราะเกรงว่าจะเกิดการฟุ้งกระจาย แต่ให้ทำการขนย้ายออกไปกำจัดที่อื่นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกันให้รับขยะเข้าศูนย์ฯได้เฉพาะขยะจากพื้นที่ 4 อำเภอ ตามข้อตกลงเดิม ประกอบด้วย อำเภอดอยสะเก็ด,อำเภอสันทราย,อำเภอสันกำแพง และอำเภอแม่ออนเท่านั้น เพื่อป้องกันปริมาณขยะล้นเกินขีดความสามารถในการบริหารจัดการ ทั้งนี้จนกว่าโครงการก่อสร้างระบบจัดการขยะและโรงผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีเตาเผาขยะ จะแล้วเสร็จ
พร้อมกันนี้ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และบริษัทเอกชนคู่สัญญา ต้องชี้แจงขั้นตอนและรายงานความก้าวหน้าของโครงการระหว่างดำเนินการต่อหน่วยงานราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งเวทีประชุมของหมู่บ้านและชุมชน เป็นระยะๆ เพื่อให้รับทราบและมีข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งหากไม่สามารถดำเนินการได้ ทาง อบจ.เชียงใหม่และบริษัทจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการจัดการขยะตามเงื่อนไขข้อตกลงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ 4 อำเภอ หรือจากการผิดสัญญาของผู้รับเหมาจัดเก็บขยะให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ให้ อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งตามข้อมูลที่ผ่านมาพบว่ามีรายได้จำนวนมากจากค่าจัดเก็บขยะ และบริษัทคู่สัญญา ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการบริหารจัดการศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรฯ และเจ้าของโครงการ ต้องทำการปรับปรุงบำรุงรักษาถนนสายหลักที่ใช้สัญจร รวมถึงเส้นทางสายรอง ที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้านและชุมชน ให้มีมาตรฐานและพัฒนาภูมิทัศน์ตลอดเส้นทาง รวมทั้งติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่าง อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการกำจัดขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลป่าป้อง,ตำบลเชิงดอย และตำบลแม่โป่ง ประกอบด้วย 4 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาลตำบลป่าป้อง,เทศบาลตำบลเชิงดอย,เทศบาลตำบลดอยสะเก็ด และเทศบาลตำบลแม่โป่ง ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
ขณะเดียวกันให้แต่งตั้งคณะทำงาน "เครือข่ายจัดการขยะภาคประชาชน" ที่ต้องมาจากการเสนอชื่อของภาคประชาชนและภาคประชาสังคมอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นคนละชุดกับปัจจุบันที่ได้รับการเสนอชื่อมาจาก17หมู่บ้านรอบโครงการ ทั้งนี้เพื่อร่วมกำกับติดตามเสนอแนะแนวทางการบริหารจัดการ โดยสามารถเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการและศูนย์ฯได้เพื่อรับทราบข้อมูลอย่างครอบคลุมรอบด้าน
ทั้งนี้นายชัยศิลป์ รินแก้ว ตัวแทนประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน ระบุว่า ทุกวันนี้ประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลป่าป้อง, ตำบลเชิงดอย และตำบลแม่โป่ง ที่อยู่ใกล้เคียงศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งอีกหลายหมู่บ้านและตำบลที่อยู่ห่างออกไป ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหากลิ่นเหม็นของขยะที่กองสุมทับถมสูงเป็นภูเขา
เบื้องต้นจากการพูดคุยหารือกันของประชาชนผู้ได้รับรับความเดือดร้อนนั้น อยากเรียกร้องให้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่กำกับดูแลบริษัทเอกชนที่บริหารจัดการศูนย์ฯ ให้เร่งจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วด้วยการนำขยะที่กองอยู่เดิมออกไปกำจัดที่อื่นโดยเร็ว และลดปริมาณขยะที่จะนำเข้ามาใหม่ ด้วยการจำกัดการรับเฉพาะขยะจากพื้นที่ 4 อำเภอ ตามข้อตกลงเดิมเท่านั้น จนกว่าโรงไฟฟ้าขยะจะสร้างเสร็จและเปิดใช้งานได้ พร้อมกันนี้ขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการกำจัดขยะของ 4 เทศบาลในพื้นที่ 3 ตำบล ที่ได้รับผลกระทบด้วย
นอกจากนี้เรียกร้องให้มีการแต่งตั้งตัวแทนจากภาคประชาชนและภาคประชาสังคมอย่างแท้จริง เป็นคณะทำงานเครือข่ายจัดการขยะภาคประชาชน ทำหน้าที่กำกับติดตามการบริหารจัดการขยะอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ซึ่งข้อเรียกร้องและข้อเสนอดังกล่าวนี้ พร้อมรายชื่อประชาชน จะนำส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และนายกองค์การบริหารส่วนจังหว่ัดเชียงใหม่ พิจารณา โดยให้เวลา 1 เดือน หากไม่มีความคืบหน้า จะนัดรวมตัวชุมนุมกันอีกครั้ง.
