บุรีรัมย์ - กรมทรัพยากรธรณีร่วม ม.เกษตรฯ ติดตั้งเครื่องตรวจวัดคลื่นสั่นสะเทือนพื้นดินที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ กระจายรอบพื้นที่ 12 เครื่อง เพื่อเร่งศึกษาหาสาเหตุและความชัดเจน หลังเกิดแผ่นดินไหวถึง 5 ครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่อยู่นอกเขตรอยเลื่อน
วันนี้ (30 ก.ค. 67) ดร.วีระชาติ วิเวกวิน ผู้อำนวยการส่วนรอยเลื่อนมีพลังและแผ่นดินไหว กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วย นายสิทธิรักษ์ ลิมป์สวัสดิ์ นักธรณีวิทยาชำนาญการ กรมทรัพยากรธรณี และนายวุฒิชัย พิรุณสุนทร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลโคกล่าม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เพื่อติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดคลื่นสั่นสะเทือนพื้นดิน เร่งหาสาเหตุที่ชัดเจนในการเกิดแผ่นดินไหว
หลังจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหวได้ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ขนาด 1.7-3.0 ความลึกราว 1 กิโลเมตร ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถึง 5 ครั้ง ทั้งที่อยู่นอกเขตรอยเลื่อน และแม้จะไม่ได้เกิดผลกระทบต่ออาคารบ้านเรือนหรือประชาชนในพื้นที่ที่ตรวจพบแผ่นดินไหว แต่ก็สร้างความกังวลใจแก่ชาวบ้านเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน
ทั้งนี้ ปลัดอำเภอลำปลายมาศ พร้อมด้วยนายก อบต.โคกล่าม และเจ้าหน้าที่มาร่วมรับฟังข้อมูลการตรวจวัดคลื่นสั่นสะเทือน จากผู้เชี่ยวชาญกรมทรัพยากรธรณี รวมถึงวิธีแนวทางปฏิบัติหากเกิดแผ่นดินไหวด้วย เพื่อจะได้นำข้อมูลไปสื่อสารให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ
ดร.วีระชาติ วิเวกวิน ผู้อำนวยการส่วนรอยเลื่อนมีพลังและแผ่นดินไหว กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องนำเครื่องวัดคลื่นสั่นสะเทือนพื้นดินมาติดตั้งไว้ที่ อบต.โคกล่าม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใกล้จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้การเกิดแผ่นดินไหวจะมีขนาดเบาและเล็กมาก เทียบได้กับแรงสั่นสะเทือนคล้ายเมื่อมีรถบรรทุกวิ่งผ่าน และไม่ได้สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนหรือสิ่งก่อสร้างหลักเลย แต่ก็อยากทราบว่าในพื้นที่จะมีความเสี่ยงกับแผ่นดินไหวมากน้อยแค่ไหน
จากข้อมูลพบว่าจังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีรอยเลื่อนที่มีพลังพาดผ่าน จึงเกิดความสงสัยว่าในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และอีกหลายจังหวัดภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว เกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้อย่างไร จึงได้นำเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ คือเครื่องวัดคลื่นสั่นสะเทือนพื้นดิน มาติดตั้งในพื้นที่เพื่อวัดคลื่นสั่นสะเทือนว่าจะยังมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นในพื้นที่อีกหรือไม่ ถ้ามีแล้วความรุนแรงขนาดไหน เพื่อจะได้นำข้อมูลที่ได้ไปแจ้งข่าวแก่ประชาชนอย่างถูกต้องชัดเจน เพื่อจะได้ไม่เกิดความตื่นตระหนก รวมถึงสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ว่าจะต้องดำเนินการรับมืออย่างไรด้วย
เครื่องวัดคลื่นสั่นสะเทือนพื้นดินที่นำมาติดตั้งครั้งนี้ค่อนข้างมีความไวมาก ดังนั้นหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในพื้นที่ระยะ 10-20 กิโลเมตรก็จะส่งสัญญาณคลื่นได้อย่างชัดเจนว่าจุดที่เกิดแผ่นดินไหวอยู่บริเวณไหน และนอกจากเครื่องของกรมทรัพยากรธรณีที่นำมาติดตั้งแล้ว ก็ยังมีเครื่องจากพันธมิตรอย่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ได้นำเครื่องมาติดตั้งกระจายตามจุดต่างๆ ในพื้นที่อีก 12 เครื่องด้วย อีกทั้งทางกรมอุตุนิยมวิทยาก็จะนำเครื่องมาติดตั้งเพิ่มอีก 2 เครื่องด้วย ซึ่งหากมีเครื่องมือในการตรวจวัดมากแค่ไหน ก็จะทำให้เกิดความละเอียดและแม่นยำของตำแหน่งในการเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้นด้วย
จากนั้นจะได้นำข้อมูลที่ได้ไปแปรความหมายทางวิทยาศาสตร์ ที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาเกิดจากสาเหตุอะไร หากไม่ได้เกิดจากรอยเลื่อนแล้วสามารถเป็นอะไรได้ แต่ขอเวลาให้ทางกรมทรัพยากรธรณี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบและศึกษาทางวิชาการอย่างละเอียด หากได้ข้อมูลที่ชัดเจนจะได้แจ้งให้ประชาชนรับทราบอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้นมีกำหนดจะติดตั้งเครื่องไว้ราว 1 เดือนก่อน จึงไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก ให้รอฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น