สกลนคร - เหยื่อต้นอ้อ เป็นหนึ่ง โผล่อีก 2 ราย โร่แจ้งความ สภ.เมืองสกลนคร อ้างประธานมูลนิธิดังชักชวนลงทุนรับผลตอบแทนสูง เผยลงทุนรวมกันกว่า 460,000 บาท ทวงถามผลตอบแทนกลับบ่ายเบี่ยงตลอด วอนคืนเงินต้น
จากกรณีมีผู้เสียหายออกมาเปิดโปงอ้างว่าถูก “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานสาวมูลนิธิชื่อดัง เสนอซื้อขายวุฒิการศึกษา ป.ตรี จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พร้อมกันนี้ยังแอบอ้างเสนอซื้อขายตำแหน่งทางการเมือง ต่อมาได้มีผู้เสียหายจากวงแชร์อีกหลายรายไปแจ้งความไว้ในหลายพื้นที่ จากเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมามีการขยายประเด็นจนรับผลกระทบเป็นวงกว้าง เป็นกระแสข่าวดังมาต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์
ทั้งนี้มีผู้เสียหาย 2 รายจะเดินทางไปแจ้งความต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ที่ สภ.เมืองสกลนคร จึงเดินทางไปพบ โดยผู้เสียหายทั้ง 2 ราย สามารถให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าวแต่ไม่ขอเปิดเผยตัวตน หวั่นจะได้รับผลกระทบไปยังครอบครัว ส่วนหลักฐานต่างๆ ก็ไม่ขอเปิดเผย ขอสงวนไว้ให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
น.ส.เอ (นามสมมติ) และ น.ส.บี (นามสมมติ) ชาว จ.สกลนคร ทั้งคู่ เปิดเผยว่าตนและเพื่อนได้เดินทางมาลงบันทึกประจำไว้ที่ สภ.เมืองสกลนคร ว่าเมื่อประมาณปี 2561 ประธานมูลนิธิดังชักชวนให้ร่วมวงแชร์ซึ่งตนได้รับเงินครบตามปกติ ต่อมามีการเสนอให้ร่วมลงทุนต่อยอดรับผลตอบแทน โดยประธานมูลนิธิจะเป็นคนกำหนดเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนเอง ซึ่งแต่ละครั้งจะกำหนดไม่เหมือนกัน เช่นต้นทุน 40,000 บาท จะได้รับผลตอบแทนจำนวน 4,000 บาท เป็นต้น
ช่วงแรกที่โอนไปยังได้กลับคืนมา พักหลังก็อ้างว่าคนที่ยืมเงินไม่คืน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเอาเงินไปให้ใครเท่าไหร่ยังไงบ้าง สำหรับเงินที่ตนได้โอนให้ประธานมูลนิธิไป 260,000 บาท แต่ต่อมาตนเริ่มมีการติดตามทวงถาม ประธานมูลนิธิกลับบ่ายเบี่ยงและขอให้ลดหย่อนเงินลง ตนจึงลดให้ 10% เป็นเงิน 26,000 บาท เหลือคงค้างจำนวน 234,000 บาท ที่ผ่านมาก็ขอผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค. ปี 61 และขาดส่งเมื่อเดือน มี.ค. ปี 64 จ่ายมาแล้ว 31,800 บาท ยังเหลือยอดคงค้าง 202,200 บาท
ส่วน น.ส.บี (นามสมมติ) ก็โดนในลักษณะเดียวกันเป็นเงิน 200,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 400,000 กว่าบาท ตนกับเพื่อนพยายามทวงถามไปยังประธานมูลนิธิตลอดแต่ไม่อ่านแชต แล้วก็ไม่มีการตอบกลับตั้งแต่ปี 64 ที่ผ่านมา ยังไม่มีแจ้งความเพราะทวงถามไปแล้วเขาก็ตอบแบบนอบน้อมและอ้างว่าไม่มีเงิน ดังนั้นจึงฝากไปถึงประธานมูลนิธิ ว่าตนกับเพื่อนอยากได้เงินส่วนนี้คืน หากเป็นไปได้ช่วยติดต่อกลับมาพูดคุย พร้อมให้โอกาสเสมอ โดยเร็วๆ นี้ตนและเพื่อนจะนำเอกสารหลักฐานมายื่นให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม
ด้าน พ.ต.ท.ธนกฤต เจริญเนติกุล รอง ผกก.สภ.เมืองสกลนคร ให้ข้อมูลว่า กรณีผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความประธานมูลนิธิใน 2 ข้อกล่าวหา คือคดีฉ้อโกง และคดีปลอมแปลงเอกสาร ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐาน หากชัดเจนก็จะออกหมายเรียกคู่กรณีมาสอบปากคำ ยืนยันพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนครพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย