ศูนย์ข่าวขอนแก่น - แม่กอดรูปลูกสาวร่ำไห้ คู่กรณีกระบะขนท่อพีวีซีกลับคำให้การ อ้างไม่รู้เห็นท่อพีวีซีหล่นไปกระแทกลูกสาวขี่รถจักรยานยนต์จนล้มหัวกระแทกพื้นถนนเสียชีวิต วอนพลเมืองดีมีหลักฐานกล้องหน้ารถ ช่วยเหลือมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดี
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Saisai Staket โพสต์ในกลุ่มที่นี่ขอนแก่นร้องเรียนแจ้งข่าว ว่า “ท่านใดที่มีกล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์ท่อปลิวจากรถกระบะมาทับคนขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังมาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 18/6/67 เวลาประมาณ 13.00 น. เหตุเกิดแถวๆ ร้านเตียฮั้วหยู ไปทางท่าพระ จะรบกวนขอหน่อยค่ะ เพราะเวลาผ่านมาหลายวันแล้ว ตำรวจก็ยังสรุปสำนวนคดีไม่ได้สักที
นางสิริกานต์ แสนแมน หรือใส อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 ม.12 บ้านหนองเหล็ก ต.หนองเหล็ก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม กอดกรอบรูปลูกสาวเอาไว้พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ตนทำงานในกรุงเทพฯ ส่วนลูกสาวกับลูกเขยทำงานในเมืองขอนแก่น ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 1 คนเป็นชายอายุ 3 ขวบ ช่วงเย็นวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมาได้รับโทรศัพท์จากลูกเขยว่าลูกสาวเสียชีวิต จึงรีบเดินทางกลับ
ได้พบกับคู่กรณีคือนายเฉลิมชัย ปทุมกุล หรือเอ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ทะเบียน ผผ 6430 ขอนแก่น บรรทุกท่อพีวีซี เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 40 เซนติเมตร จึงได้พูดคุยกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน ร.ต.อ.สิงหา หงส์อ่อน สว.สอบสวนสภ.ย่อยเมืองเก่า จากการพูดคุยกันในครั้งแรกนายเอยอมรับว่าขับรถกระบะบรรทุกท่อพีวีซีมาจริง แต่ไม่ทราบว่าท่อหลุดตกลงไปบนถนน
และไม่เห็นว่าท่อชนหรือกระแทกร่างของน้องสิริรัตน์แต่อย่างใด เพราะเมื่อรู้ตัวว่าท่อหลุดออกจากท้ายรถจึงจอดรถลงมาดู ก็เห็นร่างคนร้องนอนคว่ำหน้าอยู่ริมถนนแล้ว และขอช่วยค่าทำศพ 15,000 บาท เมื่องานศพเสร็จเรียบร้อยค่อยมาคุยกันอีก
ทราบรายละเอียดจากลูกเขยว่า ในวันเกิดเหตุลูกสาวซื้ออาหารจากในเมืองเพื่อกลับบ้านไปทำกับข้าวกินกับลูก แต่ลูกเขยยังติดงาน จึงกลับพร้อมกันไม่ได้ เลิกงานลูกเขยจะตามกลับไป ลูกสาวจึงขับขี่รถจักรยานยนต์เดินทางกลับไปหาลูกเพียงคนเดียว กระทั่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งการคุยกับคู่กรณีนั้นเหมือนจะง่ายและเข้าใจกัน จึงรับศพลูกสาวกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้าน
แต่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมามีการพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ครั้งล่าสุดนี้นายเอ คนขับกระบะขนท่อพีวีซี เดินทางมากับญาติที่เป็นตำรวจแล้วพูดไม่เหมือนเดิม โดยบอกว่าเห็นร่างลูกสาวนอนคว่ำหน้าริมถนน จึงจอดรถดูและเข้าไปช่วยเหลือ แต่คนเจ็บเสียชีวิตแล้ว ไม่ยอมรับเหมือนการพูดจาครั้งแรก
ก่อนจะถึงวันที่คู่กรณีมาเจรจากันนั้น ทางครอบครัวได้พบกับพยานที่พบเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุ 2 คน โดยพยานได้เข้าให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพยานทั้งสองคนให้การว่า ช่วงวันเวลาเกิดเหตุได้ขับขี่รถเก๋ง มุ่งหน้าไปทางท่าพระ มีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ทะเบียน ผผ 6430 ขอนแก่น บรรทุกท่อพีวีซียาวจำนวน 4 ท่อน ขับอยู่ข้างหน้า ส่วนรถเก๋งขับตีคู่กับรถจักรยานยนต์ของลูกสาว พอถึงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่าเชือกที่รัดท่อพีวีซีขาด ท่อทั้ง 4 ท่อนหลุดปลิวออกมาจากท้ายกระบะ
สองท่อนหลุดไปทางฝั่งขวา อีกสองท่อนหลุดมาทางฝั่งซ้าย แต่ไม่เห็นตอนท่อพีวีซีกระแทกร่างลูกสาว และรีบขับรถบีบแตรแจ้งคนขับรถยนต์กระบะ เพื่อแจ้งว่าท่อพีวีซีหลุด กว่าคนขับรถกระบะจะจอดรถได้ก็ห่างจากจุดเกิดเหตุหลายเมตร ซึ่งตอนนี้สงสารหลายชายวัย 3 ขวบ ร้องไห้คิดถึงแม่ทุกวัน เพราะหลานยังไม่รู้ว่าแม่จากไปแล้ว