“กัน จอมพลัง” พาลูกสาวผู้รับเหมาทุบตึกเหยื่อ พ.ต.ท.โคกสำโรงรีดทรัพย์ 1 แสน ร้องขอความช่วยเหลือหลังถูกคู่กรณีข่มขู่ให้เซ็นต์ยอมความ เผยมี อดีตตำรวจ ปปป.โทรขอผู้เสียหายกลับคำให้การ
วันนี้ (23 เม.ย.) ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พาลูกสาวของผู้รับเหมาทุบตึกที่ถูก พ.ต.ท.ณัฐพล พงษานุวัฒน์ สว.(สอบสวน) สภ.โคกสำโรง เรียกรับสินบนจำนวน 1 แสนบาท ในคดี "ร่วมลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ" ต่อมาตำรวจ บก.ปปป.ได้ซ้อนแผนจับกุมพ.ต.ท.ณัฐพลได้ที่ ลานจอดรถของศาลากลางจังหวัดลพบุรี ขณะกำลังรับส่งมอบเงิน เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 ที่ผ่านมาเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และ พ.ต.อ.สิทธิพร กะสิ ผกก.2 บก.ปปป.เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับหลังถูกข่มขู่เพื่อให้ยอมกลับคำให้การ และเซ็นยอมความคดีดังกล่าว
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่อง ทางฝ่ายตำรวจคู่กรณีได้ไปเจรจาขอให้ผู้เสียหายเซ็นเอกสารยอมความ และกลับคำให้การถึง 3 ครั้ง อีกทั้งยังมีอดีตตำรวจ บก.ปปป. โทรศัพท์มาบอกให้ผู้เสียหายกลับคำให้การอีกด้วย ตอนแรกที่ไปรีดทรัพย์ผู้เสียหายไม่คิด แต่พอเกิดเรื่องกลับมาอ้อนวอนขอความเห็นใจกับผู้เสียหาย จึงอยากถามสังคมว่า เราอยากให้ตำรวจที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ กลับมารับราชการทำงานเพื่อประชาชนอีกหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ตนจึงตัดสินใจมาร้องทุกข์ที่ บก.ปปป. และมอบข้อมูลให้แก่พนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาเรื่องการถอนประกัน พ.ต.ท.ณัฐพล และ อยากให้ช่วยตรวจสอบตำรวจที่เป็นตัวกลางในการช่วยเจรจาให้ผู้เสียหายยอมความด้วย
ด้านลูกสาวผู้เสียหาย กล่าวว่า พ.ต.ท.ณัฐพล ได้พาภรรยาที่อ้างว่าป่วยเป็นมะเร็ง และลูก 2 คน มาอ้อนวอนถึงที่บ้าน 3 ครั้ง เพื่อให้เซ็นเอกสารยอมความและกลับคำให้การ และมีการเสนอให้เงินค่าน้ำมันด้วย โดยไปหาถึงที่บ้านในจังหวัดสุโขทัย 1 ครั้ง และพระนครศรีอยุธยา 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังเคยนำกระเช้าของขวัญไปให้แม่ของตนเองที่จังหวัดสุโขทัยอีก 1 ครั้งด้วย โดยล่าสุดเมื่อวานเพิ่งมาถึงที่บ้านในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งการมาถึงที่บ้านตนเองนั้น ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ว่ารู้จักบ้านของตนเองได้อย่างไร ซึ่งทุกครั้งที่มาก็ได้ปฏิเสธไป และยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด เพราะความจริงก็คือความจริง และอยากได้รับความยุติธรรมกับครอบครัว
เบื้องต้นทางตำรวจ บก.ปปป. ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่พยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป