เชียงใหม่ - ตำรวจรวบแล้วหนุ่มหัวร้อนในคลิปดึงกุญแจรถสาวขับแช่ขวา ยอมรับสารภาพก่อเหตุไปด้วยความโมโห พร้อมชี้แจงกรณีเหตุที่เกิดในพื้นที่สันทรายตั้งแต่ปี 66 อ้างคู่กรณีขับเฉี่ยวรถคนอื่นแล้วกำลังหนีจึงขับตามไปช่วยขัดขวาง ยืนยันเคยมีเรื่องแค่ 2 ครั้ง พร้อมรับผิดด้วยดี ขณะเดียวกันขยายผลตรวจค้นบ้านพบรถที่รับจำนำไว้เพียบ
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เวลา 13.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก นำกำลังเข้าจับกุมนายองอาจ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ที่บ้านพักในตำบลสันนาเม็ง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ หลังได้ก่อเหตุขับรถเก๋งซูซูกิ สวีฟ สีเทา หมายเลขทะเบียน จข 8847 เชียงใหม่ ปาดหน้าขวางแล้วดึงกุญแจรถของนางสาวภิสรินธันญ์ อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดลำปาง บนถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุนางสาวภิสรินธัณญ์ ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ช้างเผือกเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (7 ก.ค. 67) ก่อนที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือกจะมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดกระทั่งทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นใครก่อนจะนำกำลังเข้าจับกุม โดยได้ขยายผลไปตรวจค้นที่บ้านพักพบว่ามีรถที่ผู้ต้องหารับจำนำไว้หลายคัน ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ จึงได้อายัดไว้เพื่อตรวจสอบ หลังจากนั้นได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.ช้างเผือก
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าเป็นผู้ชายคนที่ก่อเหตุตามคลิปดังกล่าว พร้อมชี้แจงว่าก่อเหตุไปด้วยความโมโห เนื่องจากในวันที่เกิดเหตุนั้นตัวเองกำลังขับรถไปทำงาน แต่ระหว่างทางพบรถของคู่กรณีขับช้าและแช่อยู่เลนขวา ซึ่งขับตามไปและพยายามให้สัญญาณแซง แต่คู่กรณียังคงขับแช่อยู่เช่นเดิม จึงขับตามท้ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งต่อมาทางคู่กรณีหลบเข้าเลนซ้ายให้แซง แต่ปรากฏว่าในจังหวะที่ตัวเองกำลังขับแซงไปทางคู่กรณีได้บีบแตรแช่เหมือนเป็นการต่อว่าตัวเอง และสังเกตเห็นว่าคนขับใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถจึงเกิดความโมโหและก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหลังจากก่อเหตุดังกล่าวแล้วรู้สึกผิดและขอโทษสังคมด้วย พร้อมรับผิดตามกฎหมาย
ส่วนในกรณีที่มีคดีที่สถานีตำรวจภูธรสันทราย ซึ่งเกิดเหตุตั้งแต่ปี 66 นั้น ชี้แจงว่าก่อนเกิดเหตุรถยนต์ของคู่กรณีได้ขับเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์แล้วขับหนีไป ซึ่งมีคนร้องขอให้ตัวเองช่วย จึงได้ขับรถตามไปขัดขวางการหลบหนีแล้วแจ้งให้หยุดและขอใบขับขี่เพื่อจะนำไปส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในป้อมตำรวจใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ โดยยืนยันว่าไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ แต่ยอมรับว่าอาจจะมีการใช้คำพูดรุนแรงและทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งต้องขอโทษ และพร้อมรับผิดตามกฎหมาย ยืนยันว่ามีเพียง 2 เหตุการณ์เท่านั้นที่ตนเองรับเป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนที่ลำพูนอ้างว่าไม่เคยไป
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกบอกว่า เบื้องต้นเตรียมดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุตามที่มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ ขณะที่ในส่วนของคดีที่สถานีตำรวจภูธรสันทรายนั้น ทางพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสันทรายจะมีการอายัดตัวไปดำเนินการต่อไป