นครสวรรค์ - “ชาวบ้านหมู่ 7 พยุหะคีรี เมืองปากน้ำโพ นครสวรรค์” หลอนกันทั้งตำบล..หลังมีคนเก็บถุงพระเครื่องจากกองขยะกลับบ้าน แค่ข้ามคืนเจอสิ่งลี้ลับอาละวาดปาหินใส่บ้านทุกคืน พอท้าทายก็มีไฟปริศนาลุกไหม้เสื้อผ้า บางรายแค่จับต้อง จยย.ก็สตาร์ทเอง
ชาวบ้านหมู่ 7 ต.กลางแดด อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ร้องเรียนว่า ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งมีบ้านอยู่ในละแวกเดียวกันประมาณ 5 หลัง ต่างประสบกับสิ่งลี้ลับอาถรรพ์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ มาก่อกวนอาละวาดทุกค่ำคืนจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะแต่ละคืนจะถูกฝูงก้อนหินทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ ปาใส่บ้านจนข้าวของเครื่องใช้ได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังต้องคอยเฝ้าระวังฟืนไฟที่อาจจะลุกไหม้บ้านได้ตลอดเวลาด้วย
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบกลุ่มชาวบ้านเป็นจำนวนมาก รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ และพระสงฆ์ ต่างเข้ามาอยู่เฝ้าที่หมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อสังเกตการณ์สิ่งลี้ลับภายในหมู่บ้านที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเจ้าของบ้านแต่ละหลังต่างก็ไม่รู้สาเหตุ และไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร เพราะยังไม่สามารถตามหาต้นตอของเรื่องที่เกิดขึ้นได้ จึงต่างก็มีความเชื่อกันว่าเป็นสิ่งอาถรรพ์ลี้ลับที่ทำให้ต้องพากันขนลุก และหวาดผวาตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
นางทุเรียน สิงห์แพ อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นต้นเรื่องที่ทำให้เกิดสิ่งลี้ลับนี้ขึ้นในหมู่บ้าน เล่าว่า ตนมีอาชีพเก็บของเก่าขาย เมื่อ 2 เดือนก่อนได้นำรถสามล้อเครื่องไปตระเวนเก็บของเก่าอยู่ที่บริเวณกองขยะเชิงสะพานแห่งหนึ่งในตำบล แล้วไปพบกับถุงใส่พระเครื่อง 4 องค์ถูกวางทิ้งไว้ จึงได้เก็บเอากลับมาด้วย
วันแรกก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่พอเข้าคืนที่สองก็มีเรื่องหลอนทันที เพราะจู่ๆ บ้านก็ถูกก้อนหินทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ขว้างปาใส่ตลอดทั้งคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งตนก็ได้เปิดบ้านไปมองหาบริเวณรอบบ้านแล้วก็ไม่เห็นใคร แถมตอนนั้นยังถูกหินปากระหน่ำเข้าใส่ไม่หยุดด้วย จึงต้องหลบเข้ามาอยู่ในบ้าน และต้องทนฟังเสียงถูกหินปาตลอดทั้งคืน
นางทุเรียนกล่าวต่อไปว่า ที่โดนปาหินแบบนี้ไม่ใช่แค่คืนเดียวจะจบ เพราะอีกหลายๆ วันต่อมาบ้านตนก็โดนปาหินใส่แบบเดียวกันทุกคืน โดยจะเกิดขึ้นตั้งแต่ 4 ทุ่มไปจนถึงเช้าทุกวัน หนักเข้า หลานชายวัย 15 ปี ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน เขาทนไม่ไหว ก็เดินออกจากบ้านไปยืนด่าทอท้าทายว่า “หากมึงเป็นผีจริง ขอให้มึงไม่ไปผุดไปเกิด” แล้วก็เกิดเรื่องไฟจะเผาบ้านวอด เพราะจู่ๆ ก็เกิดไฟลุกไหม้ชุดนักเรียนหลานที่แขวนไว้อยู่ข้างมุ้ง จนเสียหายไปถึง 5 ชุด ซึ่งก็เคราะห์ดีที่เห็นทัน เพื่อนบ้านจึงมาช่วยกันดับได้ก่อน
“ไม่รู้ว่าบ้านโดนอะไรเล่นงาน เพราะทุกวันนี้ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ แต่รู้สึกว่าตั้งแต่เก็บถุงพระเครื่องจากกองขยะมาชีวิตที่บ้านก็อยู่กันไม่เป็นสุขอีกเลย และนี่ก็ผ่านมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ที่บ้านก็ยังโดนแบบนี้ทุกคืน ทั้งโดนปาหินใส่บ้านจนข้าวของเสียหาย อีกทั้งอยู่ดีๆ ก็เกิดไฟลุกตามจุดต่างๆ ของบ้านโดยไม่มีสาเหตุ ต้องผวาหลับๆ ตื่นๆ เพื่อคอยระวังกันอยู่ทุกคืน และนี่ไม่ใช่บ้านฉันโดนหลังเดียวด้วย แต่ยังมีเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน โดนแบบเดียวกันเกือบทุกหลังด้วย แต่บ้านฉันจะหนักที่สุดกว่าใครเขา”
ด้านนางสรญา สิงห์เถื่อน เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน เล่าว่า หลังจากมีความประหลาดเกิดขึ้นที่บ้านของนางทุเรียน จึงทำให้ลูกชายวัย 15 ปีอยากพิสูจน์ เลยขอถุงพระเครื่องที่นางทุเรียนเก็บได้มาเก็บไว้ที่บ้าน 1 คืน ก็เจอฤทธิ์เดชขึ้นเช่นกัน เพราะโดนก้อนหินปริศนาเขวี้ยงใส่บ้านจนไม่ต้องหลับต้องนอน และถึงแม้จะเอาถุงพระเครื่องชุดนั้นไปถวายให้พระสงฆ์รูปหนึ่งที่อยู่วัดในหมู่บ้านไปเก็บรักษาแล้ว ก็ยังโดนปาหินใส่บ้านเหมือนเดิมมาจนถึงทุกวันนี้
ขณะที่ชายเพื่อนบ้านอีกรายกล่าวระบุว่า ไม่ว่าใครในหมู่บ้านที่ไปจับแตะต้องถุงพระที่นางทุเรียนเก็บได้ จะต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยแบบเดียวกันหมด ซึ่งตนก็เคยไปถือถุงพระเครื่องของนางทุเรียน วันต่อๆ มาก็ถูกฝูงหินปาใส่หลังคาบ้านที่เป็นกระเบื้องจนทะลุเป็นรู และทุกวันนี้ก็ยังโดนอยู่ หนำซ้ำรถจักรยานยนต์คู่ใจของตนที่จอดไว้ข้างบ้านอยู่ดีๆ ก็เกิดติดเครื่องขึ้นมาเองแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยถึงสองครั้งด้วย ทั้งที่กุญแจรถก็วางอยู่ในตะกร้า และรถคันนี้ก็ไม่ได้ใช้ระบบสตาร์ทมือ อีกทั้งยังมีอยู่คืนหนึ่ง จู่ๆ ก็มีเสียงเพลงไทยโบราณดังขึ้นมากลางดึก แต่ตนไม่กล้าออกไปดู ได้แต่อัดคลิปเสียงเก็บไว้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลองสำรวจหาจุดผิดสังเกตบริเวณรอบๆ หมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ก็ไม่พบว่าจะมีจุดใดที่เป็นแหล่งมั่วสุมหรือผิดปกติ และจากการสอบถามกลุ่มชาวบ้านที่มาเฝ้าสังเกตการณ์ ต่างก็ให้ข้อมูลว่าได้มาอยู่เฝ้าหมู่บ้านนี้เกือบทุกค่ำคืน เพราะต่างก็มีความเชื่อ และอยากพิสูจน์เรื่องลี้ลับจริงหรือไม่ ซึ่งก็เจอเข้าจริงๆ เพราะมีเสียงหินปาใส่หลังคาอยู่ตลอด โดยหาต้นทางการปาไม่ได้
ซึ่งเรื่องนี้ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงพระสงฆ์ ที่มาเฝ้าช่วยหาสาเหตุให้คนในหมู่บ้านนี้ ก็ประสบเจอกับเรื่องดังกล่าวพร้อมกับชาวบ้านด้วย โดยนายวิโรจน์ ปานแก้ว กำนันตำบลกลางแดด กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านประมาณวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่าได้รับความเดือดร้อน และผวาแทบนอนไม่ได้ ตนเองและผู้ช่วยฯ จึงมาพิสูจน์อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งได้มีการ่วมทำบุญกลางบ้านตามความเชื่อด้วย แต่ก็ยังไม่วายเกิดแหตุการณ์แบบเดิมขึ้นมาอีก ซึ่งตนก็ได้ยินเสียงปาหินเองกับหู แต่หาไม่เจอใครแม้แต่เงา
เช่นเดียวกันกับนายวิชิตชัย คุ้มเกรง เลขานุการนายก อบต.กลางแดด ก็ระบุว่า ได้รับการร้องเรียนและทำทุกวิถีทาง ทั้งทำบุญให้และพิสูจน์กันแทบทุกพิธีแล้ว แต่ความเฮี้ยนก็ยังเกิดไม่มีท่าทีจะหายไป ซึ่งตอนแรกตนก็ไม่เชื่อ แต่พอมาร่วมเฝ้าสังเกตเห็นเองจึงเชื่อเลยว่าหมู่บ้านนี้กำลังโดนสิ่งลี้ลับเล่นงานจริงๆ จึงอยากจะให้หมอปลาลงมาช่วย เพื่อให้ชาวบ้านคลายทุกข์ และหายสงสัยกับเรื่องดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของถุงพระเครื่องที่นางทุเรียนเก็บมาได้ ทราบว่ามีพระเครื่องอยู่ 4 องค์ มีเหรียญของหลวงพ่อคูณรวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งชาวบ้านได้มีการนำไปถวายพระที่วัดเกตุคีรีเก็บดูแลหมดแล้ว แต่เรื่องร้ายๆ ก็ยังไม่จบ เพราะหมู่บ้านนี้ก็ยังต้องประสบเจอกับเหตุการณ์เดิมๆ อย่างต่อเนื่อง จนชาวบ้านต่างทนไม่ไหวแล้ว ต้องออกมาร้องขอให้ทางนักข่าวช่วยเหลือ และประสานหมอปลาให้ลงมาช่วยชาวบ้าน