xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) กรมศิลป์จ่อรื้อ! อาคารที่พักสงฆ์โคราชสร้างคร่อมทับปราสาทหินพันปี คาดใช้งบบูรณะกว่า 3 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผอ.สำนักศิลปากรที่ 10 โคราช เผยจ่อรื้ออาคารที่พักสงฆ์สร้างคร่อมทับโบราณสถานปราสาทหินบ้านหลุ่งตะเคียน อ.ห้วยแถลง อายุนับพันปี อยู่ในกระบวนการพิจารณาของนิติการกรมฯ คาดไม่นานอธิบดีกรมศิลป์มีคำสั่งให้เริ่มรื้อย้าย ส่วนวัตถุโบราณถูกเคลื่อนย้ายสูญหายยังไม่ชัดเจน คาดตั้งงบฯ ใช้เวลาบูรณะกว่า 3 ปี

วันนี้ (13 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชาวบ้านในอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา รวมตัวทวงคืนปราสาทหินโบราณอายุนับพันปี หลังจากที่พักสงฆ์วัดโคกปราสาทได้เข้ามาใช้พื้นที่โบราณสถานสร้างอาคารปฏิบัติธรรมคร่อมทับลงกลางตัวปราสาทบ้านหลุ่งตะเคียน ซึ่งชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ จนกรมศิลปากรมีคำสั่งลงวันที่ 29 กันยายน 2565 ให้รื้ออาคารศาลาปฏิบัติธรรมที่ปลูกสร้างในพื้นที่โบราณสถานออก เพราะก่อสร้างโดยไม่ขออนุญาตอธิบดีกรมศิลปากร แต่ที่พักสงฆ์ได้ยื่นร้องอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองชั้นต้นจนมีการทุเลาคำสั่งของกรมศิลปากร ทำให้เรื่องพิพาทยืดเยื้อออกไป และต่อมา ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ระงับคำสั่งดังกล่าวของศาลปกครองชั้นต้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น



ล่าสุด นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวว่า โดยหลักการ ตัวโบราณสถาน “ปราสาทบ้านหลุ่งตะเคียน” มีลักษณะเป็นปราสาท 3 หลัง เมื่อมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ทับลงไป ย่อมจะต้องมีการเคลื่อนย้ายหินหรือสิ่งก่อสร้างเดิมออกจากตัวโบราณสถาน และจากการตรวจสอบล่าสุด ตอนนี้พบว่าชิ้นส่วนของหินที่ใช้ในการก่อสร้างโบราณสถานถูกเคลื่อนย้ายออกจากตำแหน่งเดิมชัดเจน แต่ด้วยปริมาณหินที่มีจำนวนมาก จึงยังไม่สามารถลงรายละเอียดในตอนนี้ได้ว่าเป็นชิ้นส่วนของโครงสร้างปราสาทในจุดใด แต่เรามีภาพถ่ายในอดีตมาให้ดูประกอบ


ส่วนเรื่องโบราณวัตถุที่สูญหาย ตั้งแต่สำนักศิลปากรที่ 10 เข้าไปตรวจสอบ จะมีบางส่วนถูกเคลื่อนย้ายออกมาจากที่เดิมหรือไม่ ยังไม่แน่ชัด เพราะเหตุการณ์ผ่านมานานหลายปีแล้ว ซึ่งการบูรณะโบราณสถานจะต้องรองบประมาณก่อนว่าจะพิจารณาอนุมัติลงมาเมื่อใด


ส่วนระยะเวลาในการบูรณะ มีขั้นตอนดำเนินการ เริ่มจากการขุดตรวจ ขุดแต่งตัวโบราณสถาน เพื่อให้เห็นสภาพร่องรอยเดิม ส่วนใหญ่ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ปีในการขุดตรวจ ขุดแต่ง และศึกษาออกแบบเรื่องการบูรณะ หลังจากนั้นจะไปตั้งงบประมาณการบูรณะ โดยหลักการทั่วๆ ไปก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ศิลปากรฯ ได้เข้าไปตรวจสอบล่าสุด พบว่าที่พักสงฆ์ยังไม่ได้ดำเนินการรื้อย้ายใดๆ ออกไป และทางศิลปากรได้เข้าไปตรวจสอบในเบื้องต้น แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการในขั้นตอนอื่นๆ เพราะเรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาทางกฎหมายของนิติการกรมฯ ซึ่งจะต้องมีการตีความตามคำสั่งทางกฎหมายด้วย ต้องรอคำสั่งการจากอธิบดีกรมศิลปากรอีกทีว่า จะให้ดำเนินการในลักษณะไหน อย่างไร แต่ยืนยันว่าต้องมีการรื้อย้ายอาคารที่สร้างคร่อมทับโบราณสถานออกอย่างแน่นอน คาดว่าไม่นานน่าจะมีคำสั่งออกมา เบื้องต้นที่พักสงฆ์เองก็พร้อมให้ความร่วมมือที่จะรื้อถอนอาคารออกตามคำสั่งฯ


"จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทางศิลปากรจะมีมาตรการเข้ามากำกับดูแลเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นซ้ำ และถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับสำนักศิลปากรที่ 10 รวมถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และทุกๆ ชุมชนที่จะต้องเข้ามาช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลโบราณสถานสำคัญของชาติ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นอีก ซึ่งศิลปากรเองไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่การดำเนินงานต้องเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมายที่กำกับดูแลอยู่ ขอให้ชาวบ้านได้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่" นายทศพรกล่าว ในตอนท้าย




















กำลังโหลดความคิดเห็น