ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวบ้านห้วยแถลง โคราชเป็นงงมาก! ซื้อที่ดินมากว่า 20 ปี อยู่ดีๆ เจ้าของเดิมมาล้อมรั้วยึดคืนไม่ให้เข้าทำกินต่อ อ้างจะขอคืนเงินเท่ามูลค่าเดิมที่ขายไปเมื่อ 20 ปีก่อนเพื่อไถ่ถอนที่ดินกลับไปตามเดิม ขณะผู้ร้องวอนขอความช่วยเหลือ พร้อมโร่แจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
วันนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเอมอร ปาลเกิด ชาวบ้านหมู่ 4 ตำบลเมืองพลับพลา อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อ นางสาวนลิน โรจนวัทธิกร เจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ (NRO) เพื่อขอความช่วยเหลือในด้านคดีข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกิน หลังจากได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งต่อจากคนรู้จักเมื่อประมาณ 24 ปีที่แล้ว และได้เข้าทำประโยชน์ปลูกพืชไร่พืชสวนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่กลับถูกคู่กรณีซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมนำรถไถเข้ามาปรับเกลี่ยที่ดินที่ได้ปลูกมันสำปะหลังแล้ว พร้อมทั้งล้อมรั้วไม่ให้เข้า รวมถึงได้ส่งทนายมาเพื่อเจรจาขอคืนเงินตามมูลค่าเดิมเพื่อไถ่ถอนที่กลับไปเป็นของเจ้าของตามเดิม โดยอ้างว่าตนใช้ที่ดินทำกินจนได้กำไรคุ้มเกินมูลค่าของที่ดินแล้ว
จากการสอบถาม นางเอมอร ปาลเกิด ผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2540 ทางคู่กรณีได้มาขอหยิบยืมเงินไปจำนวน 320,000 บาท โดยได้นำที่ดินซึ่งเป็นที่ดินแบบ ภบท.5 (ภาษีบำรุงท้องที่) จำนวน 25 ไร่ 2 งาน มาวางค้ำประกันโดยมีสัญญาไถ่ถอนคืนภายในปี พ.ศ. 2543 แต่เมื่อครบกำหนดคู่กรณียังไม่มีเงินมาคืนให้ จึงได้มีการทำสัญญาซื้อขายที่ดินเท่ากับมูลค่าหนี้ที่ยืมไป ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ตำบลหลุ่งตะเคียน อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นสักขีพยาน
หลังจากได้ที่ดินผืนดังกล่าวไปแล้ว ตนและครอบครัวก็ได้เข้าทำประโยชน์ปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง เรื่อยมา โดยมีการเสียภาษีบำรุงท้องที่และลงทะเบียนเกษตรกรอยู่ทุกปีไม่ขาด จนกระทั่งเมื่อกลางดึกของวันที่ 13 เมษายน 2567 ที่ผ่านมาคู่กรณีซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมได้นำรถไถเข้าปรับไถหน้าดินซึ่งตนได้ลงทุนกว่า 200,000 บาท ในการปลูกมันสำปะหลังไปแล้วทำให้พืชผลเสียหาย
รวมถึงได้ล้อมรั้วแล้วปิดประกาศข้อความว่า “เรียนมาเพื่อทราบ ปีนี้ห้ามทำนะครับ ผมจะทำเองปีนี้ และเรื่องราคาสวนผมจะให้ในราคาเท่าที่ผมเอาไป 320,000 บาทเท่านั้น เงินผมเตรียมเอามาไว้แล้วจะเอาวันไหนบอกมา เอาไม่เอาผมก็จะทำสวนเหมือนเดิม (ห้ามทำนะครับ) ผมให้ทำหลายปีแล้วกำไรอื้อซ่า”
นอกจากนี้ตนยังทราบอีกว่าคู่กรณีได้นำเอกสารหลักฐาน ภบท.5 ฉบับเดิมไปขอออกเอกสารสิทธิที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพลับพลา เพื่อให้ดำเนินดคีคู่กรณีในข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ นอกจากนี้ยังจะได้ดำเนินการยื่นคัดค้านการออกเอกสารสิทธิ ปสก.ของคู่กรณี เนื่องจากตนมองว่าที่ดินแปลงดังกล่าวตนได้มาโดยชอบธรรม และเข้าทำประโยชน์ต่อเนื่อง