เพชรบูรณ์ - สละผ้าเหลืองลาสิกขาแล้ว..พระเจ้าสำนักสงฆ์ชื่อดังเพชรบูรณ์ ถูกสองผัวเมียร้อง อ้างชะตาตัวเองขาดให้ร่วมมีเซ็กซ์สะเดาะเคราะห์ เริ่มจากฝ่ายหญิงกับพระหนึ่งต่อหนึ่ง ก่อนลามดึงสามีร่วมเพศ สุดท้ายเป็นเซ็กซ์หมู่ ขณะที่ชาวบ้านใกล้เคียง-ลูกศิษย์เชื่อโดนคนเอาพระเครื่องไปปล่อยแล้วไม่จ่ายกลั่นแกล้ง
กรณีสองสามีภรรยาร้องเพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกเจ้าสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์หลอกลวงให้มีเพศสัมพันธ์อ้างว่าเป็นการต่อดวงชะตาชีวิตให้พระรูปนั้น เป็นเวลานานเกือบ 2 ปี โดยหญิงสาวบอกว่าได้ไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มานาน 10 ปี ส่วนพระคู่กรณีมีอายุประมาณ 40 ปี ดูน่าเลื่อมใสและน่าศรัทธามาก
กระทั่งช่วงปลายปี 2565 พระรูปนี้ได้บอกว่าให้ตนฝึกปฏิบัติธรรมขั้นสูง คือการละทิ้งอัตตา โดยจะต้องมีเพศสัมพันธ์กับพระรูปนี้เพื่อให้บรรลุธรรมในเรื่องของการไม่ยึดติดตัวตน รวมถึงเพื่อเป็นการต่อดวงชะตาให้กับพระรูปนี้ด้วย โดยพระรูปนี้อ้างว่าพลังชีวิตจะหมดเพราะก่อนหน้านี้ได้ถ่ายทอดพลังชีวิตมาให้ตนกับสามีหมดแล้ว ตนจึงต้องถ่ายทอดพลังชีวิตคืนให้เพื่อเป็นการตอบแทน ตอนนั้นหลงเชื่อเพราะศรัทธาและเลื่อมใสพระรูปนี้มาก จึงยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ต่อมาพระรูปนี้ได้บอกว่าต้องเพิ่มการฝึก โดยให้สามีมีเพศสัมพันธ์กับพระรูปนี้ ซึ่งสามีก็ยอม จนสุดท้ายเป็นการมีเพศสัมพันธ์แบบเซ็กซ์หมู่ คือมีพระเจ้าสำนักสงฆ์ ตน และลูกศิษย์วัดคนอื่นๆ ด้วย จนกระทั่งในปี 2566 ตนเริ่มเอะใจ และรู้สึกว่าถูกหลอก จึงได้ขอแยกตัวออกมา ซึ่งพระรูปดังกล่าวได้พยายามโทรศัพท์มาตามให้ตนกลับไปที่สำนักสงฆ์หลายครั้ง แต่ตนไม่ไป พระรูปนี้จึงดีดตนออกจากกลุ่มไลน์
หลังจากนั้นตนกับสามีได้มาพบหมอจิตเวชเพื่อรักษาอาการทางจิต เนื่องจากสับสนและเครียดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนตอนนี้สภาพจิตใจดีแล้ว จึงมาขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด เพราะรู้มาว่ายังมีหญิงรายอื่นที่เป็นลูกศิษย์พระรูปนี้โดนกระทำเหมือนตนด้วย
เย็นวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวชื่อสวนธุดงคสถานวิหารพระมารดร โดยมีพระอาจารย์โอ เป็นเจ้าสำนัก ตั้งอยู่หมู่ 8 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แต่ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้เนื่องจากประตูได้ปิดไว้ และมีสุนัขเฝ้าอยู่ 2 ตัว และมีป้ายติดไว้ที่ประตูว่าระวังสุนัขดุ จากการสังเกตภายนอกพบว่าเป็นลักษณะคล้ายบ้านอาศัยทั่วไป มีโดมคล้ายกับสถานที่ประกอบพิธีอะไรบางอย่าง ด้านในมีต้นไม้บังมองเข้าไปไม่เห็น ด้านหน้าพบว่ามีรอยล้อรถยนต์ที่เพิ่งจะออกจากสถานที่ดังกล่าวไป
ป้าดา อายุ 56 ปี ชาวบ้านที่อยู่ข้างสำนักสงฆ์ดังกล่าวเปิดเผยว่า ชาวบ้านจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวภายในสำนักสงฆ์ ส่วนมากจะเป็นญาติโยมจากต่างจังหวัดที่มาทำพิธีช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น งานไหว้ครู วันสงกรานต์ วันปีใหม่ เป็นต้น และมีการทำวัตถุมงคลให้เช่า แต่พระจะไม่ออกบิณฑบาตหรือรับกิจนิมนต์ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แต่ก็ให้การช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด หากมีงานหรือกิจกรรมของหมู่บ้านก็ให้ลูกศิษย์นำปัจจัยและสิ่งของมาช่วยเหลือ
กรณีที่มีข่าวว่าพระสงฆ์เจ้าสำนักไปมีอะไรกับผู้หญิงนั้น ตนและชาวบ้านไม่เชื่ออย่างแน่นอน เพราะจากพฤติกรรมที่เห็นเป็นพระที่เคร่งมาก อัธยาศัยดี ทักทายพูดคุยกับชาวบ้านตลอด ตนเชื่อว่าจะต้องเป็นการกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน
ด้านลุงป้อม อายุ 65 ปี ชาวบ้านในพื้นที่และเป็นคนงานที่เข้าไปดูแลสถานที่ภายในสำนักสงฆ์ดังกล่าวเปิดเผยว่า ตนอยู่ที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวมา 6 ปีแล้ว โดยที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวมีพระ 4 รูป ญาติโยม 2-3 คน รวมทั้งตนด้วย ซึ่งจะมีหน้าที่ดูแลเก็บกวาดสถานที่ให้สะอาดเรียบร้อย รวมทั้งเป็นคนทำบายศรีให้กับลูกศิษย์ที่จะเข้ามาทำพิธีกับพระอาจารย์ แต่ในช่วงทำพิธีตนไม่ได้เข้าไปดู เป็นเพียงผู้เตรียมบายศรีให้เท่านั้น
สำหรับพระอาจารย์เป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือคน เรื่องที่มีคนไปร้องเรียนนั้นคาดว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งและใส่ร้าย เพราะเมื่อหลายปีก่อนมีหญิงสาวคนหนึ่งมาเอาวัตถุมงคลของพระอาจารย์ไปจำหน่ายให้เช่าบูชาเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท แต่ไม่ได้เอาเงินมาให้พระอาจารย์ กระทั่งมีการฟ้องร้องกันจนถึงทุกวันนี้
ขณะที่เพจของสำนักสงฆ์ดังกล่าวได้โพสต์ภาพพระรูปดังกล่าวทำการลาสิกขาที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมโพสต์ข้อความว่า “ทางสวนธุดงคสถาน วิหารพระมารดร ขอแจ้งข่าวให้ทราบว่า ในขณะนี้ทางสวนธุดงค์ขอยุติการเป็นที่พักสงฆ์นับจากนี้เป็นต้นไป และทางท่านพระอาจารย์ได้ลาสิกขา ต่อหน้าพระเถระ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คณะสงฆ์ และไม่ให้เกิดความวุ่นวายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงแจ้งมายังคณะสานุศิษย์และผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ทราบโดยทั่วกัน..เขาว่าเราไม่ดีก็สึกเนาะต่อจากนี้ ที่นี่คือ สำนักบารมีพุทโธรักษา และจะดำเนินงานสานฝันตามรอยคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่อไป ขอขอบคุณคณะศรัทธาสานุศิษย์ทุกท่านที่ได้ร่วมกันสานฝันมาตลอดครับ” หลังจากนั้นก็ได้มีบรรดาศิษยานุศิษย์เข้ามาโพสต์แสดงความเสียใจและให้กำลังใจอดีตพระอาจารย์โอเป็นจำนวนมาก