xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) แทบสิ้นสภาพป่า! จนท.ลุยตรวจนายทุนรุกป่าดอยสะโง้แหล่งท่องเที่ยวดังเชียงราย ผุดรีสอร์ต-กั้นห้วยทดน้ำใช้เอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงราย - จนท.ป่าไม้-ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง..ลุยตรวจดอยสะโง้ หลังกลุ่มนายทุนรุกป่านับ 1,000 ไร่ แถมกั้นลำห้วย-ผุดรีสอร์ต ชาวบ้านร้องหลายหน่วยงานเรื่องไม่คืบ จนต้องยื่นถวายฎีกา จ่อจำแนกพื้นที่-ดำเนินคดีคนรุก


วันนี้ (16 พ.ค.) นายเศกสันต์ กองศรี กำนัน ต.ศรีดอนมูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงดอยสะโง้ และชาวบ้านดอยสะโง้ ร่วมตรวจแนวเขตแดน-พิกัดของพื้นที่ป่าไม้และที่ดินที่มีผู้เข้าไปครอบครอง

หลังจากชาวบ้านดอยสะโง้เคยร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานว่ามีการบุกรุกป่า และนายเศกสันต์ได้ถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้เสด็จพระราชดำเนินไปยัง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อเดือน มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา

ชาวบ้านระบุว่าเดิมดอยสะโง้เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้และแหล่งน้ำ รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 709 เมตร เป็นจุดชมวิว 3 แผ่นดิน คือ สามเหลี่ยมทองคำ ไทย สปป.ลาว และเมียนมา รวมทั้งเป็นที่ตั้งของโครงการหลวงสะโง้ที่เป็นแหล่งปลูกพืชต่างๆ สร้างงานสร้างรายได้ให้กลุ่มชาติพันธุ์อาข่า

กระทั่งปี 2557 เป็นต้นมาได้มีกลุ่มทุนบุกรุกตัดต้นไม้-ปรับถางที่ดิน มีการปลูกส้มหลายร้อยไร่ สร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เช่น รีสอร์ต ที่พัก ฯลฯ เพื่อหาผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว ทำให้เกิดปัญหาแหล่งน้ำบนดอยสะโง้แห้งหรือถูกกลุ่มทุนผันน้ำนำไปใช้ส่วนตัว ส่งผลให้ชาวบ้านเดือดร้อนและยังมีปัญหาขยะเพิ่มขึ้นมาอีก


ดังนั้นในปี 2562 ชาวบ้านจึงได้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานแต่ก็ไม่สามารถหยุดการบุกรุกทั้งในเขตป่าสงวนแห่งชาติและสวนป่าแม่มะ-สบรวก ที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานป่าไม้ทั้ง 2 หน่วยงานดังกล่าวและมีแนวโน้มจะบุกรุกเพิ่มขึ้น

นายเศกสันต์กล่าวว่า ในอดีตดอยสะโง้เป็นแหล่งน้ำโดยเฉพาะลำห้วยม่วงที่ชาว ต.ศรีดอนมูล ได้ใช้ประโยชน์ แต่ถูกกลุ่มนายทุนที่มีเงินและอิทธิพลเข้าไปบุกรุก กระทั่งปี 2567 นี้ ความแห้งแล้งรุนแรงมากเพราะป่าไม้ถูกทำลายไปนับ 1,000 ไร่ ลำห้วยก็ถูกนายทุนกั้นน้ำเอาไว้ใช้ส่วนตัว ตนจึงได้เป็นตัวแทนชาวบ้านทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ดังนั้น ในครั้งนี้ตนหวังว่าหน่วยงานต่างๆ จะแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ เพราะ 4-5 ปีที่ผ่านมามีการตรวจสอบหลายครั้งแต่ก็ไม่มีการแก้ไขปัญหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เริ่มสำรวจว่าจุดใดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าอุทยาน หรือพื้นที่การเกษตรแล้ว จากนั้นจะบูรณาการจำแนกพื้นที่หากพบมีการบุกรุกในเขตรับผิดชอบของหน่วยงานใดก็จะมีการดำเนินคดีจนครบทั้ง 1,000 ไร่ต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น