ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ปัญหากรณีพิพาทที่ดินเจ้าของที่ดินเดิมบุกรุกอ้างเป็นเจ้าของทั้งที่ขายให้เจ้าของใหม่ตั้งแต่ 24 ปีก่อน ล่าสุดตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาเจ้าของที่เก่า ขณะที่ ส.ป.ก.โคราชเตรียมเรียกคู่กรณีมายืนยันสิทธิทำกิน ทั้งอัยการและ ส.ป.ก.ชี้เจ้าของที่ดินเดิมไม่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ครอบครองที่ดิน ไม่มีสิทธิ์เข้าทำกิน
กรณีที่ นางเอมอร ปาลเกิด ชาวบ้านหมู่ 4 ตำบลเมืองพลับพลา อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อ นางสาวนลิน โรจนวัทธิกร เจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ (NRO) เพื่อขอความช่วยเหลือในด้านคดีข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกิน หลังจากได้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งต่อจากคนรู้จักเมื่อประมาณ 24 ปีที่แล้ว และได้เข้าทำประโยชน์ปลูกพืชไร่พืชสวนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่กลับถูกคู่กรณีซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิมนำรถไถเข้ามาปรับเกลี่ยที่ดินที่ได้ปลูกมันสำปะหลังแล้ว
พร้อมทั้งล้อมรั้วไม่ให้เข้า รวมถึงได้ส่งทนายมาเพื่อเจรจาขอคืนเงินตามมูลค่าเดิมเพื่อไถ่ถอนที่กลับไปเป็นของเจ้าของตามเดิม โดยอ้างว่าตนใช้ที่ดินทำกินจนได้กำไรคุ้มเกินมูลค่าของที่ดินแล้ว
ความคืบหน้าล่าสุด หลังจากที่นางเอมอรได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยแถลงเพื่อเอาผิดเจ้าของที่เดิมนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำสำนวนและมีการสอบถามไปยังอัยการ ซึ่งอัยการบอกว่าเจ้าของเดิมนั้นไม่มีสิทธิทำกินในที่ดินผืนดังกล่าวแล้ว เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ในการครอบครองที่ดินทำกิน ซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวที่เป็นข้อพิพาททางนางเอมอรนั้นได้เข้าทำกินมากว่า 20 ปี และมีเอกสารสิทธิครบถ้วนทั้งใบแสดงการเสียภาษีบำรุงท้องที่และเอกสารที่เกี่ยวข้องในการเข้าทำกินในที่ดินผืนดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของที่เดิมเอาไว้ 2 ข้อหา คือ ข้อหาบุกรุก และข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ทางเจ้าของที่เดิมนั้นได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ยอมรับแค่ข้อกล่าวหาทำให้เสียทรัพย์ โดยยอมรับว่าได้นำรถไถไปไถที่ดินผืนดังกล่าวจริง แต่ปฏิเสธข้อหาบุกรุก ซึ่งในข้อหานี้ต้องไปสู้กันในชั้นศาล
ขณะที่นางเอมอร เจ้าของที่ดินได้นำเอกสารต่างๆ เข้าพบ ส.ป.ก.นครราชสีมา เพื่อขอคำชี้แจงเรื่องสิทธิในที่ดินทำกินผืนดังกล่าว เนื่องจากเดิมที่ดินผืนนี้เป็น ภบท.5 แต่ทางเจ้าของที่คนเดิมกลับนำเอกสารเก่าไปขึ้นทะเบียนกับ ส.ป.ก.ให้ออกเอกสารเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ได้อย่างไร
หลังจากการพูดคุยหารือกัน ทาง ส.ป.ก.นครราชสีมา บอกว่าจากนี้จะมีการเรียกเจ้าของที่คนเก่าเพื่อนำเอกสารต่างๆ เพื่อยืนยันว่าได้เข้าทำกินในที่ดินผืนดังกล่าวจริงหรือไม่ และได้ให้นางเอมอรทำเอกสารคัดค้านสิทธิของเจ้าของที่คนเก่าเอาไว้แล้ว
ด้านางสาวนลิน โรจนวัทธิกร เจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ (NRO) กล่าวว่า นางเอมอร เจ้าของที่นั้นได้ทำสัญญากับเจ้าของที่คนเดิมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2540-2543 โดยทำสัญญากันเอาไว้ที่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านในขณะนั้น จนกระทั่งเมื่อปี 2551 ทางเจ้าของที่เดิมได้นำเอกสารสิทธิไปออกเอกสารสิทธิเป็นที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งตนคิดว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ นอกจากนี้ กรณีที่อดีตผู้ใหญ่บ้าน (เสียชีวิตแล้ว) ที่เคยเซ็นเป็นพยานในการทำสัญญากลับมาเซ็นรับรองสิทธิให้เจ้าของที่คนเก่าได้อย่างไร
"ดิฉันจะไปยื่นหนังสือต่ อบต.หลุ่งตะเคียนให้ตรวจสอบการเซ็นรับรองแนวเขต นอกจากนี้ถ้าหากมีการตรวจสอบพบว่าทางเจ้าของที่ดินคนเก่าไม่สามารถยืนยันสิทธิในการทำกินในที่ดินผืนดังกล่าว ดิฉันจะทำหนังสือมายัง ส.ป.ก.นครราชสีมา ให้แจ้งความดำเนินคดีเจ้าของที่คนเก่าฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน"
ขณะที่นางเอมอร และลูกชายรู้สึกดีใจและสบายใจที่ได้เข้ามาพบและชี้แจงกับทาง ส.ป.ก. โดยลูกชายของนางเอมอร บอกว่ารู้สึกเสียใจและเสียดายต้นมันสำปะหลังที่ถูกเจ้าของที่คนเก่าไถทิ้งไป เนื่องจากตนลงทุนปลูกมันสำปะหลังไปหลักแสนบาท หลังจากนี้ไปคงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
