กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจน์ ห่วงประชาชน และนักท่องเที่ยว หลังปั๊มน้ำแอบผสมน้ำให้ ลูกค้าจนรถได้รับความเสียหาย สั่งพลังงานจังหวัดตรวจสอบปั๊มเจ้าปัญหา พบผิด พ.ร.บ.การค้าเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 ม.48, 50 เจอทั้งคุกทั้งปรับ
วันนี้ (30 เม.ย.) นางสมนึก สิทธิการณา พลังงานจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสำนักงานพลังงานจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีพบน้ำปนในน้ำมันดีเซล B7 ส่งผลทำให้รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดของผู้ร้องได้รับความเสียหาย ที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งหนึ่งในอำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 1,000 บาท และหลังจากเติมพบความขัดข้องทำให้เครื่องยนต์น็อก และระบบแจ้ง Water in Fuel Drain Filter จึงถามหาความรับผิดชอบจากเจ้าของปั๊ม แต่เจ้าของปั๊มกลับไม่ยินยอมตามที่ผู้ร้องแจ้ง และให้ผู้ร้องไปเรียกร้องค่าเสียหายในชั้นศาล ผู้ร้องจึงดำเนินการแจ้งความกับพนักงานตำรวจในท้องที่ และสำนักงานพลังงานจังหวัดกาญจนบุรี
ในเรื่องนี้ จังหวัดกาญจนบุรี โดยสำนักงานพลังงานจังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและจัดเก็บตัวอย่างน้ำมันเชื้อเพลิงส่งให้กองคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงวิเคราะห์คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมาย จำนวน 1 ตัวอย่าง ซึ่งสำนักงานพลังงานจังหวัดกาญจนบุรี จะดำเนินการจัดส่งตัวอย่างให้ห้องแล็บ ศรีราชา เมื่อในวันที่ 29 เมษายน 2567
ล่าสุด วันนี้ (30 เม.ย.) สำนักงานพลังงานจังหวัดกาญจนบุรี ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ข้อเท็จจริงกับ นายสิทธิพร (สงวนนามสกุล) ผู้แทนของปั๊มดังกล่าวในวันนี้ จากการสอบถาม นายสิทธิพร ผู้แทนปั๊มดังกล่าว เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการค้าเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 ได้ข้อเท็จจริงดังนี้
น้ำมันดีเซล (B7) ที่บีบออกจากหัวจ่ายหมายเลข ชบ 401-0171-62 ในวันเกิดเหตุวันที่ (22 เม.ย.) เป็นน้ำมันที่มีน้ำเจือปนน้ำอยู่จริงตามคลิปที่ปรากฏอยู่ในรายการข่าว ซึ่งนางสาวยุพิน (ขอสงวนนามสกุล) เป็นผู้บีบตัวอย่างและได้พบว่ามีน้ำอยู่เต็มภาชนะที่รองในวันเกิดเหตุ หลังจากนั้นได้มีการแจ้งทางบริษัทผู้รับเหมาให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและพบว่ามีน้ำเจือปนอยู่ 100 ลิตรโดยประมาณ ซึ่งไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด
ร้อยโททศพล ไชโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไข เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและสร้างความมั่นใจให้ประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวมิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อขายสินค้า และรักษาความเป็นธรรมให้ประชาชน
ด้านนางสมนึก สิทธิการณา พลังงานจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า สำนักงานพลังงานมีอำนาจหน้าที่ที่จะต้องดูแลคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายออกจากสถานีบริการน้ำมันให้มีคุณภาพ ซึ่งโดยปกติการควบคุมคุณภาพน้ำมันจะมีการควบคุมตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง
ในกรณีที่เกิดเหตุครั้งนี้หลังจากที่สำนักงานพลังงานจังหวัดกาญจนบุรีได้รับการร้องเรียนเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา พลังงานจังหวัดกาญจนบุรีได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบในทันที โดยได้มีการตรวจสอบในเบื้องต้นเพื่อให้มีความมั่นใจว่าขณะที่มีการจำหน่ายน้ำมันนั้นเป็นน้ำมันที่ไม่มีน้ำปนแล้ว ส่วนกรณีพบการ กระทำความผิดขณะนี้ พลังงานจังหวัดกาญจนบุรีกำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน
ทั้งนี้ พลังงานจังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ เอาไว้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้พนักงานสอบสวนมาสอบปากคำ ส่วนด้านคดีจะเป็นการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.เกี่ยวกับการค้าน้ำมันที่มีการจำหน่ายน้ำมันไม่มีคุณภาพให้ประชาชน มีความผิดตาม พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2543 มาตรา 25 วรรค 3 จำหน่ายน้ำมันที่แตกต่างจากที่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานประกาศกำหนด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีน้ำผสมอยู่กับน้ำมันเป็นจำนวนมาก เจ้าของปั๊มจะต้องถูกดำเนินคดีตามมาตรา 48 บทลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีนี้พบว่ามีน้ำมันเกินกว่า 200 ลิตร จึงมีความผิดฐานปลอมปนน้ำมันด้วย ตามมาตรา 50 มี บทลงโทษ จำคุก 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ