ศูนย์ข่าวศรีราชา - วิจารณ์สนั่น หลวงพี่ซิ่งซาเล้งพ่วงข้างตระเวนทั่วเมืองสัตหีบ ไม่สนสายตาผู้ขับยวดยานบนท้องถนน อ้างออกมาดูลูกชายเข้ารับการเกณฑ์ทหาร บอกบวชแก้บนที่วัดใน จ.อยุธยา เดินทางมาพักบ้านลูกชายที่เมืองสัตหีบโดยไม่จำวัดใด
วันนี้ (12 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งขี่รถซาเล้งพ่วงข้างตระเวนทั่วเมืองสัตหีบ รวมทั้งบนถนนสุขุมวิท หมายเลข 3 โดยไมสนใจสายตาชาวบ้าน หรือผู้ขับขี่ยวดยานบนท้องถนน ที่พากันงงกับพฤติกรรมของพระรูปดังกล่าว
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบได้พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 สีน้ำเงิน ทะเบียน ขคม 525 นครสวรรค์ ลักษณะถูกต่อเติมให้เป็นรถพ่วงข้าง นำไปจอดไว้ที่ด้านข้างอาคารโรงพักเมืองสัตหีบ และยังพบพระสงฆ์ซึ่งเป็นเจ้าของรถ ที่ได้เข้าไปนั่งรอคิวในห้องทำบัตรประจำตัวประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอสัตหีบ นานกว่า 2 ชั่วโมง
จากการสอบถาม นางพิกุล โสภา ปลัดอำเภอสัตหีบ ทราบว่า พระสงฆ์รูปดังกล่าวได้เข้ามาติดต่อขอทำบัตรประจำตัวประชาชน โดยมีสมุดสุทธิปรากฏชื่อ พระกฤษฎา มาแสดง แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าสมุดสุทธิดังกล่าวออกไม่สมบูรณ์ ทางอำเภอจึงไม่สามารถดำเนินการทำบัตรประจำตัวประชาชนให้ได้
“หลังทราบว่าไม่สามารถทำบัตรได้ พระรูปดังกล่าวได้ทิ้งสมุดเล่มนี้ไว้ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำบัตรและแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าจะออกไปดูลูกชายที่มาเข้ารับการเกณฑ์ทหารภายในศาลาประชาคมอำเภอ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังพระครูปลัดวินัย ธีรปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพประสาท เพื่อขอให้ร่วมกับคณะสงฆ์ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบว่า พระสงฆ์ซิ่งซาเล้งเป็นพระที่บวชจริงอย่างถูกต้องหรือไม่” ปลัดอำเภอสัตหีบ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้เข้าพูดคุยกับ พระกฤษฎา จนทราบว่าเป็นพระที่บวชอยู่ในวัดแห่งหนึ่งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่เป็นการบวชเพื่อแก้บนที่รอดพ้นจากช่วงวิกฤตโควิด-19 มาได้ และยังบอกอีกว่าตนได้เดินทางมาอาศัยอยู่กับลูกที่หมู่บ้านเอื้ออาทรนาจอมเทียน โดยไม่ได้จำศีลอยู่ที่วัดใด และในวันนี้ได้ขี่ซาเล้งมาดูลูกที่เข้ารับการเกณฑ์ทหาร
ภายหลังการพูดคุยเสร็จสิ้น พระรูปดังกล่าวได้เดินออกไปขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่จอดไว้ออกจากที่ว่าการอำเภอสัตหีบ มุ่งหน้าไปตลาดสัตหีบก่อนจะเลี้ยวขึ้นบนถนนสุขุมวิท โดยไม่สนใจรถยนต์และผู้คนที่สัญจรอยู่บนถนนที่ต่างพากันดูพฤติกรรมของพระรูปดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวได้ขับรถติดตามพระสงฆ์ซิ่งซาเล็งไปตลอดทาง พบว่ามีจุดหมายปลายทางอยู่ที่วัดทรัพย์นาบุญญาราม ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ โดยระยะทางที่อยู่บนถนนไกลถึง 16 กิโลเมตร และเมื่อถึงวัดได้จอดรถทิ้งไว้ที่หน้าอาคารก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในวัด
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่สบายใจให้ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ โดยบางรายถึงกับตั้งคำถามว่า การกระทำของพระสงฆ์รูปนี้เหมาะสมกับผ้าเหลืองที่ห่มกายอยู่หรือไม่
ทั้งนี้ เนื่องจากมหาเถรสมาคมมีมติ “ห้าม” พระและสามเณรขับรถยนต์ รวมถึง “ห้าม” ขี่รถจักรยานยนต์ เว้นแต่เป็นการขับเพื่อกิจการของวัด และจะต้องเป็นการขับภายในวัด หรือมีเหตุจำเป็นฉุกเฉินอย่างยิ่ง เช่น มีพระภิกษุ สามเณรอาพาธ ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเท่านั้น