กาญจนบุรี - Nippon TV สื่อดังญี่ปุ่นส่งทีมบุกถ่ายทำอุโมงค์ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เผยคนรุ่นใหม่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามมากขนาดนี้ เตรียมเผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่และข้าใจว่าญี่ปุ่นทำอะไรไว้บ้าง
จากกรณีนายมานชัย วัฒนการัณย์ และนายศราวุธ ไทรสังข์สิริพงศ์ ชาวอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ค้นพบอุโมงค์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ในพื้นที่บ้านซองกาเลีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมทั้งได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่สำรวจเพื่อช่วยกันประชาสัมพันธ์ผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอสังขละบุรี
จากการสำรวจในวันดังกล่าวพบว่า ปากอุโมงค์ค่อนข้างคับแคบต้องก้มตัวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ แต่เมื่อเข้าไปได้พบตัวอุโมงค์กว้างประมาณ 2 เมตร สูง 1.80-1.90 เมตร ระยะทางจากปากอุโมงค์ถึงปลายอุโมงค์ยาวประมาณ 35 เมตร อากาศภายในค่อนข้างเย็นสบาย อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศา สภาพของอุโมงค์โดยรวมค่อนข้างสมบูรณ์ มีเพียงร่องรอยดินถล่มลงมาบริเวณปากอุโมงค์และท้ายอุโมงค์เท่านั้น หลังจากที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวออกไปได้รับความสนใจจากสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก
ล่าสุด วันนี้ (3 เม.ย.) นายจุมเปย์ ทานะกะ (JUMPEI TANAKA) ผู้สื่อข่าวช่อง Nippon TV ทีวีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น น.ส.ชลันลักษณ์ จันทร์วันเพ็ญ ผู้สื่อข่าว Nippon TV ประจำประเทศไทย และทีมงานได้เดินทางมาถ่ายทำบรรยากาศทั้งภายนอกและภายในอุโมงค์ดังกล่าว โดยมีนายศุภชัย พลทิพย์ หรือนักข่าวกลางดง พร้อมด้วยนายมานชัย วัฒนการัณย์ และนายศราวุธ ไทรสังข์สิริพงศ์ ชาวอำเภอสังขละบุรี นำพาทีมงานไปถ่ายทำรายการอย่างละเอียด
นอกจากถ่ายทำที่อุโมงค์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ทีมงาน Nippon TV ยังได้ไปถ่ายทำสถานที่ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีก 4 จุดคือ ร่องรอยรางรถไฟสายมรณะ ที่อยู่หัวสนามบิน (สนามบินเดิม) ตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 หมู่ 8 บ้านซองกาเลีย ตอม่อสะพานที่อยู่จุดเล่นน้ำลำห้วยซองกาเลีย รวมทั้งบ่อน้ำเติมหัวจักรรถไฟที่อยู่ท่าน้ำกลางหมู่บ้านซองกาเลียด้านหลังโรงเรียนบ้านซองกาเลีย และถ่ายทำสถานที่เก็บปูนซีเมนต์ หลุมระเบิดทางรถไฟ ที่อยู่ภายในสวนยางพาราของชาวบ้านในพื้นที่บ้านซองกาเลีย ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงสาย 323 สายซองกาเลีย-บ้านพระเจดีย์สามองค์
ทั้งนี้ นายจุมเปย์ ทานะกะ (JUMPEI TANAKA) พิธีการรายงานข่าวช่อง Nippon TV ได้เปิดเผยเป็นภาษาญี่ปุ่นผ่านผู้สื่อข่าว Nippon TV ประจำประเทศไทยว่าเขาไม่คิดว่าจะมีซากที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เหลือในอยู่พื้นที่แห่งนี้มากขนาดนี้ และคนญี่ปุ่นในสมัยนี้ไม่ได้คิดว่าประเทศไทยจะมีส่วนในการที่ทหารของญี่ปุ่นเข้ามาทำอะไรแบบนี้มาก่อน
แต่เมื่อได้มาถ่ายทำแล้วเขาจึงต้องการให้คนญี่ปุ่นทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าได้เห็นประวัติศาสตร์ว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเคยทำอะไรเอาไว้และเผลอๆ อาจจะทำอะไรที่แย่กว่านี้ก็ได้ หวังว่าการมาถ่ายทำในครั้งนี้จะสามารถสื่อสารอะไรบางอย่างไปถึงชาวญี่ปุ่นได้บ้าง