กาญจนบุรี - มูลนิธิสืบฯ ยันคัดค้านโครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาภัยแล้ง 5 อำเภอ จ.กาญจนบุรี หวั่นส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า และลุ่มน้ำชั้น 1A
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสำนักบริหารโครงการกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เตรียมดำเนินการก่อสร้างโครงการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้ประชาชน 5 อำเภอ จ.กาญจนบุรี ประกอบด้วย อ.บ่อพลอย ห้วยกระเจา เลาขวัญ หนองปรือ และพนมทวน โดยมีแผนก่อสร้างโครงการ 4 ระยะ ประกอบด้วย
ระยะที่ 1 โครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำลอดใต้ภูเขาที่ระดับเฉลี่ย 500 เมตรจากผิวดิน ไปลงอ่างเก็บน้ำลำอีซู ขนาดอุโมงค์ 4.20 เมตร ความยาว 20.500 กิโลเมตร อัตราผันน้ำวันละ 1.036 ล้าน ลบ.ม. มีอาคารประกอบ ได้แก่ อาคารรับน้ำ และอาคารจ่ายน้ำ ระยะที่ 2 โครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำอีซู ถึงบ่อพักน้ำหลุมรัง ท่อส่งน้ำเหล็กเหนียว ขนาด 2.50 เมตร ความยาว 14.195 กิโลเมตร
ระยะที่ 3 โครงการก่อสร้างบ่อพักน้ำหลุมรังขนาด 651 ไร่ ความลึกน้ำ 4.00 เมตร ความจุบ่อพักน้ำ 3.70 ล้าน ลบ.ม. และระยะที่ 4 โครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำจากบ่อพักน้ำหลุมรังไปพื้นที่รับประโยชน์ ประกอบด้วยคลองสายหลักเป็นคลองดาดคอนกรีตยาว 94.165 กิโลเมตร และท่อส่งน้ำสายซอยจำนวน 42 สาย ระยะทางรวมกัน 314 กิโลเมตร งบประมาณก่อสร้างโครงการทั้ง 4 ระยะ รวมกัน 12,007.96 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม นายภาณุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร น.ส.อรยุพา สังขะมาน เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านเส้นแนวทางเลือกการก่อสร้างโครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ไปบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ 5 อำเภอ จ.กาญจนบุรีมาโดยตลอด เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าและลุ่มน้ำชั้น 1A โดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้สนับสนุนโครงการ แต่ขอให้กรมชลประทานและ สทนช.เลือกแนวทางที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าและต้นน้ำฝนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระให้น้อยที่สุด
ต่อมา เมื่อวันที่ 27 ก.พ.67 นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้มีหนังสือไปถึงมูลนิธิสืบนาคะเสถียร รวมทั้งผู้จัดการโครงการบริษัท ธาราคอนซัลแตนท์ จำกัด และผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อเชิญประชุมหารือโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 1 มี.ค.2567 ณ ห้องประชุมน้ำปิง ชั้น 4 อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
จากกรณีข้างต้นวันนี้ 1 มี.ค.67 นายภาณุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร น.ส.อรยุพา สังขะมาน เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ร่วมกันกล่าวว่า วันนี้ทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้เชิญมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมหารือพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมรวมถึงข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปปรับปรุงในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนเสนอเข้าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามมติของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.)
มูลนิธิสืบฯ ขอยืนยันการคัดค้านโครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อบรรเทาภัยแล้ง และอยากให้คำนึงถึงความคุ้มค่าในการลงทุนในโครงการดังกล่าว เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ โดยมีประเด็นหารือดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง มูลนิธิสืบฯ ไม่เห็นด้วยในการดำเนินการก่อสร้างสร้างอุโมงค์ผันน้ำตัดผ่านพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ โดยให้บริษัทที่ปรึกษาและเจ้าของโครงการพิจารณาแนวทางเลือกอื่นที่อ้อมลงด้านล่างของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์ป่าและชุมชนโดยรอบให้มากที่สุด
ประเด็นที่สอง การสร้างอุโมงค์ผันน้ำจะสร้างแรงกดดันต่อสัตว์ป่า อย่างช้างป่า ที่ใช้พื้นที่บริเวณนั้น จากข้อมูลของกรมอุทยานฯ ช้างป่ามีการกระจายตัวเพิ่มมากขึ้นบริเวณพื้นที่ด้านบนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งแรงสั่นสะเทือนและความดังจากการระเบิดอุโมงค์จะส่งผลให้ช้างป่าเกิดพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจนเกิดการกดดันให้ช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์และเพิ่มความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่ามากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อประชากรสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าสำคัญ อย่างเลียงผา เก้งหม้อ ละอง/ละมั่ง เสือโคร่ง วัวแดง แมวลายหินอ่อน ซึ่งสัตว์ป่าบางชนิดมีอ่อนไวต่อแรงสั่นสะเทือนและเสียงอาจจะทำให้สัตว์ตายได้
ประเด็นที่สาม การก่อสร้างแนวอุโมงค์เป็นการรบกวนทางเดินน้ำใต้ดิน และเปลี่ยนคุณภาพน้ำ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแหล่งน้ำผิวดิน เปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้น้ำอุปโภคบริโภคจากแหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน (น้ำบาดาล) ของครัวเรือนและการเกษตรโดยรอบ
และประเด็นที่สี่ ควรมีการตั้งกองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายให้กรมอุทยานฯ เพื่อเป็นงบประมาณในการดูแลผืนป่า ติดตามการศึกษาผลกระทบในระยะยาว รวมถึงการทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ร่วมกัน เหมือนในกรณีที่การไฟฟ้าจะได้รับค่าชดเชยเงินในการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ไปพื้นที่โครงการ
ในส่วนของกรมอุทยานฯ มีข้อกังวลมาตลอดในเรื่องของมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้อยู่บริเวณที่มีการก่อสร้าง เนื่องจากคลื่นเสียงและแรงสั่นสะเทือนจะสร้างแรงกดดันให้สัตว์ป่าออกนอกพื้นที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งการสร้างแนวรั้วป้องกันช้างป่าออกนอกพื้นที่ต้องดูแนวโน้มบริเวณที่ช้างป่าออกนอกพื้นที่ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ทางมูลนิธิสืบฯ ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังสงสัย และอยากให้มีเวลาทบทวนและพูดคุยข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลสมบูรณ์มากที่สุด หากนำไปสู่การเกิดเวทีพูดคุย แลกเปลี่ยน แนวทางการแก้ปัญหาด้านนิเวศและเทคนิคต่างๆ เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบให้มากที่สุด จะเป็นประโยชน์ในการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในอนาคต
โดยการหารือในวันนี้ทางบริษัทที่ปรึกษาจะนำข้อหารือและข้อเสนอแนะดังกล่าวเพิ่มเติมในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อีกครั้ง และส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเข้าสู่กระบวนการต่อไป การประชุมในวันนี้มีนายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธาน