ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ลูกค้าหิวจัด เข้าร้านดังเมืองขอนแก่น สั่งโปรฯ บุฟเฟต์มา 4 จ่าย 3 สั่งออเดอร์ไม่อั้น แต่พอรับประทานผ่านไป 2 ชั่วโมงของที่สั่งรับประทานไม่หมด เหลือกว่า 2.7 กิโลกรัม พนักงานแจ้งปรับยอดรวมกว่า 1.3 หมื่น สุดท้ายจบแบบแฮปปี้ ร้านหาทางช่วยลดเหลือจ่าย 9,100 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กชื่อ “โอชิเน ขอนแก่น - Oshinei Khon Kaen” โพสต์เล่าเรื่องราวน่ารักๆ ภายในร้านระหว่างลูกค้ากับทางร้าน โดยระบุข้อความว่า “#รีวิวค่าปรับทำลายสถิติ ยอด 13,381.42 ลูกค้า 4 ท่าน มาใช้โปรโมชัน “มา 4 จ่าย 3” โปรฯ 1,150++ (#โปรฯ นี้มีตลอดเดือน) และเพิ่งเคยมารับประทานครั้งแรก อาจด้วยความหิวจึงได้รัวสั่งอาหารผ่านระบบอัตโนมัติของเรา .. พนักงานได้แจ้งทวนเรื่องนโยบายค่าปรับ สำหรับโปรฯ 1,150++ อยู่ที่ 300 บาท/ขีด
และสามารถห่อกลับได้.. รวมถึงคอนเฟิร์มออเดอร์ที่สั่ง (เพราะค่อนข้างเยอะมาก) ปรากฏว่าหลังรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย คุณลูกค้าสู้ขาดใจ ผ่านไปร่วมๆ 2 ชั่วโมงจู่ๆ เครื่องดับ ไปต่อไม่ไหวเหลือรวมกว่า 2.7 กิโลกรัม หรือ 27 ขีด ซึ่งมีมูลค่าค่าปรับ หลังรวม vat 7% และ service 5% จะอยู่ที่ 9,100.35 บาท ซึ่งลูกค้าก็น่ารักมาก ยินดีที่จะจ่ายทั้งหมด และชมว่าอาหารอร่อยมาก ด้วยที่ว่ายอดค่าปรับเยอะเป็นสถิติใหม่.. ทางผู้จัดการร้านจึงได้ปรึกษากับผู้บริหาร เห็นควรในกรณีนี้ว่าให้เปลี่ยนค่าปรับแบบขีด เป็นคิดเงินลูกค้าเพิ่มจำนวน 3 หัว เพราะน้ำหนักเฉพาะอาหารรวม 2.7 กิโล หากเฉลี่ยก็ตกท่านละ 0.9 กิโล ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เรามักจะรับประทานบุฟเฟต์ได้ ซึ่งลูกค้าก็ดีใจมาก ขอบคุณทางร้าน และแจ้งว่าเพิ่งเคยมารับประทานครั้งแรก อาหารอร่อยมาก
รวมถึงได้ขออภัยที่สั่งเยอะเกิน ... สุดท้ายแล้วจากยอด 13,381.42 จึงลดลงมาเหลือ 7,954.92 บาท อาหารที่เหลือจะถูกนำมาชั่ง โดย #น้ำหนักที่ชั่งจะเป็นน้ำหนักเฉพาะเนื้อล้วน เช่น กรณีเป็นหอย ก็จะเอาเปลือกออกให้ก่อนชั่ง เป็นต้น (รูปที่ลง คือ รูปตอนชั่ง ..ยังไม่ได้ทำการจัดกล่อง ตกแต่งสำหรับห่อกลับ ให้ดูเหมือนสั่งมาใหม่) ทางร้านได้ขอคุณลูกค้ารีวิวการโดนปรับ ซึ่งคุณลูกค้าก็ยินดีค่ะ (คุณลูกค้าขา รีวิวหน่อยค่ะ) เลยเอามาเล่าแชร์ให้ฟัง ลูกค้าแฮปปี้ เราก็แฮปปี้ ทุกฝ่ายแฮปปี้ คือสิ่งที่เรายึดถือ เหนือกว่ากำไรสูงสุด ปล.รับประทานเหลือ ไม่ต้องยัด = ปรับ = ห่อกลับเหมือนใหม่” พร้อมกันนี้ทางร้านยังได้นำบิลออเดอร์ที่ลูกค้าดังกล่าวสั่งมาให้ดูในความยาวเหยียดอีกด้วย
น.ส.สุริยาพร การโสภา อายุ 24 ปี ผู้จัดการร้าน และ น.ส.จิราวัลย์ เทียบท้าว อายุ 20 ปี กัปตันร้าน เล่าว่า วันที่ลูกค้าดังกล่าวมารับประทานอาหารที่ร้าน มากันทั้งหมด 4 คน ชาย 2 คน หญิง 2 คน ซึ่งเป็นช่วงที่ร้านจัดโปรโมชันเป็นบุฟเฟต์ราคาหัวละ 1,150 บาท ซึ่งลูกค้าก็มาลองรับประทานตามปกติ ก็จะมีการออเดอร์ไปทางครัว ซึ่งทางเชฟเห็นว่ามีออเดอร์เยอะมาก ถึงให้กัปตันที่รับออเดอร์ไปคอนเฟิร์มกับลูกค้าอีกครั้ง ว่าลูกค้าต้องการจะรับจริงๆ ตามที่ออเดอร์ไปใช่หรือไม่ พร้อมทั้งแจกแจงรายละเอียดของออเดอร์ที่สั่งว่า แต่ละรายการจะมีกี่ชิ้น โดยแจกแจงทุกรายการที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งลูกค้าก็ยืนยันคอนเฟิร์มทุกรายการ และยืนยันว่ารับประทานหมด
ก่อนที่กัปตันจะยืนยันออเดอร์กับทางครัวและเริ่มปรุงอาหารตามที่ลูกค้าออเดอร์มาทั้งหมด ช่วงที่ลูกค้านั่งรับประทานไปได้สักพัก ก็เริ่มสอบถามเรื่องค่าปรับกับทางพนักงาน บอกว่าเริ่มรับประทานไม่ไหวแล้ว ทางกัปตันจึงเข้าไปแจ้งเรื่องของจำนวนเงินค่าปรับ โดยทางร้านมีกฎชัดเจนปรับเงินราคา 300 บาทต่อขีด ทั้งแจ้งลูกค้าว่าให้นั่งรับประทานก่อนอีกสักพัก ก่อนที่ลูกค้าจะรับประทานต่อ แต่สุดท้ายก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน บอกว่ารับประทานต่อไม่ไหวแล้ว นำไปชั่งคิดค่าปรับได้เลย
พอชั่งน้ำหนัก พบว่าเนื้อเหลือรวมน้ำหนัก 28 ขีด (2 กก. 8 ขีด) คิดราคาต่อขีดละ 300 รวมเป็นเงินค่าปรับทั้งหมด 8,400 บาท บวกกับราคาโปรโมชันบุฟเฟต์ มา 4 จ่าย 3 หัวละ 1,150 บาท ยอดรวมทั้งหมด 13,381 บาท ซึ่งได้แจ้ง ลูกค้าก็พร้อมจะจ่ายค่าปรับดังกล่าว แต่ทางร้านเห็นว่าเป็นการเสียค่าปรับที่เยอะมาก และมากที่สุดตั้งแต่เปิดร้านมา จึงได้โทร.สอบถามผู้บริหารก่อนว่าจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างไรบ้างหรือไม่ แม้ว่าลูกค้าจะยินดีให้ปรับในจำนวนเงินดังกล่าว แต่ทางร้านมองว่ามันสูงเกินไปจึงพยายามหาทางช่วย
ผู้บริหารให้คำแนะนำมาว่า หากทางร้านจะคิดค่าปรับ ก็คิดเป็นหนึ่งท่านต่อ 1 กิโลกรัม ในส่วนค่าปรับนั้นน้ำหนัก 28 ขีด (2 กก. 8 ขีด) จึงนำมาเฉลี่ยเป็นเงินในสามคนคิดราคาบุฟเฟต์หัวละ 1,150 บาท โดยปรับเพิ่มหัวบุฟเฟต์ไปอีกสามท่าน โดยไม่คิดค่าปรับ 28 ขีด ก็จะทำให้ลูกค้าชำระเงินจริง เหลือเพียง 7,955 บาท ซึ่งลูกค้าก็แฮปปี้ ทางร้านเองก็แฮปปี้ เพราะทางร้านเองได้แจ้งตั้งแต่ต้นแล้ว