xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง! หนุ่มใหญ่พิการวัย 48 ปี โยกรถสามล้อจากสุโขทัยไปยืนยันตัวตนขอสิทธิที่กรมบัญชีกลาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พระนครศรีอยุธยา - หนุ่มใหญ่พิการวัย 48 ปี โยกรถสามล้อจากสุโขทัยไปยืนยันตัวตนขอสิทธิที่กรมบัญชีกลาง หลักถูกตัดสิทธิโดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่สามารถทำให้ได้ แจ้งว่าต้องไปยืนยันสิทธิด้วยตนเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกู้ภัยเข้าช่วยเหลือแต่ถูกปฏิเสธการช่วยเหลือ ยืนยันทำตามความตั้งใจเดิม

จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ. ร.ต.ท.บุญเรือง ศรีกระจ่าง รองสารวัตร งานป้องกันและปราบปราม สภ.ไชโย (ร้อยเวรสายตรวจรถยนต์) ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบชายพิการใช้รถโยกสามล้อเดินทางมาตามถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ จึงได้เดินทางมาทำการตรวจสอบ พบชายตามที่พลเมืองดีแจ้งที่ทางเข้าอำเภอไชโย กิโลเมตรที่ 58 หมู่ที่ 4 ตำบลจระเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง จึงได้หยุดรถเพื่อทำการตรวจสอบ

จากการตรวจสอบทราบชื่อต่อมา คือ นายมณฑล เพ็ชรสังข์ อายุ 48 ปี บอกว่าตนอยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 7 ตำบลแม่สำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย กำลังจะเดินทางด้วยรถสามล้อโยกไปที่กรมบัญชีกลางที่กรุงเทพฯ เพื่อไปยืนยันตัวตนตามที่เจ้าหน้าที่บอก เนื่องจากตนเองถูกตัดสิทธิผู้พิการและไม่มีบัตรประชาชน

โดยนายมณฑล กล่าวว่า ตนเดินทางมารับจ้างทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ โดยทำงานเป็นช่างแกะลายกระจก แกะสลักไม้ รับทำป้าย ได้พลัดตกตึก 6 ชั้น ตั้งแต่ปี 2557 จนพิการขาทั้ง 2 ข้างเดินไม่ได้ จึงได้กลับบ้านเกิดไปรับจ้างทำงานแฮนด์เมดจากกะลามะพร้าว แต่รายได้ไม่ดี ทางญาติพี่น้องมีภาระกันทุกคน มีเงินช่วยเหลือสวัสดิการของคนพิการ เดือนละ 800 บาท ตนไปตรวจสอบเบี้ยคนพิการ และทราบว่าไม่มีเบี้ยคนพิการโอนเข้ามาในบัญชีมาตั้งแต่ปี 2563

ตนได้เดินทางไปตรวจสอบที่อำเภอศรีสัชนาลัย ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ตนถูกตัดสิทธิผู้พิการ บัตรประชาชนไม่สามารถทำได้ และทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.ศรีสัชนาลัย เมื่อตนเดินทางไปทำการแจ้งความ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกเอกสารทะเบียนราษฎรให้ตน และบอกว่าจะต้องไปทำการยืนยันสิทธิด้วยตนเองที่กรมบัญชีกลาง ในกรุงเทพฯ ตนไม่รู้จะเดินทางได้อย่างไร และขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยพาตนไป ทางเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าช่วยเหลือได้เท่านี้ ส่วนการเดินทางคงต้องช่วยเหลือตัวเอง ตนจึงตัดสินใจใช้รถสามล้อโยกขับออกมาพร้อมด้วยสัมภาระที่อยู่ในตะกร้าหน้าและหลัง เดินทางมาถึงจังหวัดอ่างทอง เป็นระยะเวลากว่า 3 สัปดาห์ รวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร

ล่าสุด วันนี้ (5 ก.พ.) นางวาสนา ทองจันทร์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอ่างทอง น.ส.นฤมล พงศ์สุภาพพงศ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น.ส.อัญชลี มีพรเจริญกิจคลัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะหัน ได้พบกับ นายมณฑล เพ็ชรสังข์ หนุ่มพิการโยกรถสามล้อ ริมถนนสายเอเชียหลักกิโลเมตรที่ 37+600 ตำบลตานิ่ม อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สอบถามนายมณฑล แจ้งว่า จุดประสงค์ของตนต้องการจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปพูดคุยด้วยตนเองที่กรมบัญชีกลางในกรุงเทพมหานคร โดยไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะความตั้งใจอยากจะไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ในกระทรวงถึงปัญหาของระบบการทำงานของราชการ และที่มีข่าวว่าตนนั้นหนีคดีมาไม่จริงตนเองไม่ได้หนี

นางวาสนา ทองจันทร์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า หลังจากพูดคุยและติดต่อกับทางมารดาของนายมณฑล เพื่อให้พูดคุย แต่นายมณฑลไม่พูดคุยกับมารดา และขอยืนยันจะเข้ากรุงเทพฯ อย่างเดียว ส่วนเรื่องที่นายมณฑลได้พูดถึงนั้นตอนนี้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ตรวจสอบรายชื่อทะเบียนบ้านแล้ว พบว่านายมณฑล มีทะเบียนบ้านอยู่ในทะเบียนบ้านกลาง ส่วนเรื่องเงินเบี้ยพิการจะดูแลและตรวจสอบให้ และยืนยันจะให้ความช่วยเหลือ

หลังจากพูดคุยทางนายมณฑล ไม่ยอมให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือและยืนยันจะโยกรถสามล้อไปเอง โดยพูดว่าถ้าเจ้าหน้าที่ยุ่งจะให้รถพุ่งชน หลังจากนั้นโยกรถมาตามถนนสายเอเชีย โดยยืนยันคำเดียวถ้ามีหน่วยงานหรือผู้สื่อข่าวยุ่งจะให้รถชน และไม่ขอคุยกับใครทั้งนั้นในตอนนี้

ต่อมา นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนายชัชชัย กิตติไชย ได้เดินทางเข้ามาพูดคุยกับ นาย มณฑล ใช้เวลา 20 นาที นายมณฑล พูดคุย แต่ไม่ยอมที่จะให้ทางหน่วยงานในพื้นที่ช่วยเหลือและยืนยันจะเดินทางเข้าไปในกรุงเทพฯเองโดยห้ามให้ทุกคนตาม โดยนายมณฑล ตั้งใจจะเดินทางไปบอกกับผู้ใหญ่ด้วยตนเอง เรื่องที่ว่าไม่ได้รับเงินเบี้ยพิการ และไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากตนถูกคัดชื่อทะเบียนบ้านออกมาอยู่ทะเบียนกลาง และมีเรื่องบางเรื่องที่อึดอัดใจอยากจะไประบายให้กับผู้ใหญ่ฟังโดยตรงด้วยตนเอง ทางหน่วยงานในพื้นที่มาพูดคุยแต่ไม่เป็นผล และยืนยันว่าจะโยกสามล้อเข้ากรุงเทพฯ ตนจึงได้ให้ทางหน่วยงานในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบที่นายมณฑล โยกสามล้อผ่าน เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องความปลอดภัย

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายจิรัญชัย อาทิตย์นพชัย นายอำเภอบางปะหัน และ พ.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกับ นายมณฑล ชายผู้พิการที่โยกรถสามล้อมาจากจังหวัดสุโขทัย หลังหลบมาแอบพักชั่วคราวอยู่ภายในวัดเทพอุปการาม หรือวัดตานิม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมเพื่อที่จะพาชายรายนี้ไปดำเนินการเรื่องเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน ที่อำเภอบางปะหัน เพื่อที่จะไปดำเนินการยื่นขอสิทธิรับเบี้ยผู้พิการ ซึ่งเจ้าตัวยินดีที่จะไปทำบัตร แต่จะต้องหลังจากที่ไปพบกับผู้บริหารกรมบัญชีกลาง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก่อน พร้อมทั้งยอมให้เจ้าหน้าที่นำรถสามล้อโยกไปซ่อมให้เนื่องจากล้อหลังด้านขวามีอาการลูกปืนแตกทำให้ล้อสั่น โดยจะขอนอนพัก และจะเดินทางต่อพรุ่งนี้ช่วง 04.00 น. โดยได้มีการจัดทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ สภ.บางปะหัน และเจ้าหน้าที่ปกครอง เฝ้านายมณฑลเพื่อไม่ให้หลบหนีอีก ก่อนจะมีการพูดคุยเจรจาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ว่าจะดำเนินการทำบัตรประชาชนเลยหรือไม่

นายมณฑล ยืนยันว่าการออกมาของตนไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้ใคร และไม่ได้ต้องการรับเงินบริจาคหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่ต้องการเรียกร้องตามสิทธิที่หายไป และช่วยเหลือผู้พิการรายอื่นๆ ที่มีปัญหาเหมือนกับตน พร้อมยืนยันว่า ที่พูดให้สัมภาษณ์กับสื่อตนมีสติสัมปชัญญะดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนออกจากพื้นที่เพื่อไม่เป็นการกดดันชายพิการรายนี้

ต่อมาเวลา 17.00 น. แพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลบางปะหัน เดินทางมาตรวจสุขภาพ พบว่าความดันสูง ได้พยายามช่วยกันพูดจาเกลี้ยกล่อมของเจ้าหน้าที่ และเจ้าอาวาสวัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายไม่เป็นผลชายพิการยืนยันว่าจะนอนที่วัดตานิม จากการตรวจวัดค่าความดันพบว่าลดลงมา ในขณะที่อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าอาจจะมาจากความเครียด










กำลังโหลดความคิดเห็น