xs
xsm
sm
md
lg

ชาวคลิตี้วอนสาธารณสุขเปิดข้อมูลค่าสารตะกั่วในร่างกายชาวบ้าน เผยไม่มั่นใจโครงการฟื้นฟูห้วยคลิตี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - นอภ.ทองผาภูมิ พร้อมคณะกรรมการไตรภาคีลงพื้นที่สำรวจโครงการพื้นฟูลำห้วยคลิตี้ จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว พบชาวบ้านยังกังวลการฟื้นฟูทั้งระยะที่ 1 และ 2 วอนเปิดข้อมูลค่าสารตะกั่วในร่างกายชาวบ้าน

ความคืบหน้ากรณีนายกำธร ศรีสุวรรณมาลา นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี นายนพพร วสุธาผาภูมิ พร้อมตัวแทนชาวบ้านบ้านทุ่งเสือโทน หมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เดินทางมายื่นหนังสือให้ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เรื่องขอให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการดำเนินงานโครงการพื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี ของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมชั้นล่างศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พร้อมด้วย นายนิติพล ตันติวานิช กำนันตำบลชะแล นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ตำบลชะแล และนายกำธร ศรีสุวรรณมาลา ตัวแทนคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อติดตามการดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ตัวแทนคณะกรรมการไตรภาคีได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี กรณีเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ในการจัดการกากหางแร่บริเวณบ่อ 10 ไร่

รวมทั้งดินปนเปื้อนที่ยังคงเหลือที่บ้านส่องพู บริเวณบ่อเก็บตะกอนกากหางแร่ที่อยู่ในพื้นที่สัมปทานของโรงแต่งแร่ (บ่อ 22 ไร่) และตรวจสอบหลุมฝังกลบแบบปลอดภัย ตามโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่วจังหวัดกาญจนบุรี ระยะที่ 1 และระยะที่ 2

ทั้งนี้ นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบและรับทราบจากเอกสารพบว่า ประชาชนยังมีความกังวลจากการปนเปื้อนของสารตะกั่ว และเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาช่วงหลังจากการดำเนินโครงการระยะที่ 1

โดยขอให้ดำเนินการจัดการตะกอนในลำห้วยตะกอนขอบลำห้วย รวมถึงบนตลิ่งที่ยังเหลืออยู่ รวมทั้งขอให้แก้ไขขอบเขตการดำเนินงานโครงการระยะที่ 2 ด้วยการยกเลิกการปิดคลุมหลุมฝังกลบและงานซ่อมแซมฝาย และขอให้ดำเนินการจัดการกากหางแร่ที่มีการปนเปื้อนสูงสะสมอยู่ในบ่อเก็บตะกอนหางแร่เดิมที่อยู่ในพื้นที่สัมปทานของโรงแต่งแร่บริเวณ (บ่อ 22 ไร่)

และให้กรมควบคุมมลพิษ ดำเนินการแก้ไขปัญหาช่วงหลังจากการดำเนินโครงการ ระยะที่ 2 โดยขอให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการจัดการกากหางแร่ที่เหลืออยู่และฝังกลบในหลุมฝังกลบแบบปลอดภัย รวมทั้งให้ดำเนินการจัดการตะกอนในลำห้วยคลิตี้ ตะกอนขอบลำห้วย และบนตลิ่งที่เหลืออยู่ให้หมดไปเพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาใช้ประโยชน์น้ำภายในลำห้วยคลิตี้ได้อย่างปลอดภัยต่อไป การตรวจสอบรวมทั้งความต้องการของชาวบ้านข้างต้น ผมได้รายงานให้ ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ทราบแล้ว

ด้านนายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี 1 ในคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อติดตามการดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ชาวคลิตี้ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ที่ไม่ค่อยได้เรียนรู้หนังสือ โดยเฉพาะผู้สูงวัย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าเจาะเลือดเพื่อหาค่าสารตะกั่วในร่างกายของชาวบ้านมาแล้วซึ่งทุกคนมีค่าสารตะกั่วในร่างกายสูงต่ำไม่เท่ากัน แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่เปิดเผยข้อมูลค่าตะกั่วแต่ปิดเอาไว้เป็นความลับ

จากนั้นได้นำยาแคปซูลที่สกัดจากสารผักชี  มาให้ชาวบ้านกินเพื่อรักษา เมื่อชาวบ้านกินยาต่างรู้สึกไม่สบายเพราะเวียนศีรษะอย่างรุนแรง จากนั้นชาวบ้านไม่กล้าที่จะกินยาตัวดังกล่าวอีกเลย สิ่งที่ชาวบ้านต้องการอีกหนึ่งประเด็นคืออยากให้สาธารณสุขเปิดเผยข้อมูลว่าชาวบ้านมีค่าสารตะกั่วในร่างกายเท่าไหร่ เพื่อชาวบ้านจะได้หาทางรักษาตัวเองได้อีกทางหนึ่งด้วย










กำลังโหลดความคิดเห็น