ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าของสิงโตบางละมุงยอมให้เคลื่อนย้าย 2 ลูกสิงโตไปสถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง (เขาชีโอนแล้ว หลัง จนท.เปลี่ยนวิธียิงยาสลบเป็นนำเข้ากรงป้องกันช็อกตาย เจอข้อหาครอบครองสัตว์ป่าควบคุมประเภท ก. โดยไม่แจ้งเจ้าพนักงาน
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 17/19 ซอยเขามะกอก 13 หมู่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีสิงโตหลุดจากกรงออกมาวิ่งบนถนนในเขตชุมชน ซอยเขามะกอก 13 จนสร้างความหวาดผวาว่าจะก่อให้เกิดอันตราย
กระทั่ง นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยเข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว จนพบว่ามีสิงโต 2 ตัว เป็นสิงโตเพศผู้ สีน้ำตาล ชื่อ “อาลัว” และ สิงโตเพศเมีย สีขาว ชื่อ “หลินหลิน” ส่วนเจ้าของคือ น.ส.ภา (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ที่ได้นำใบสำแดงการรับมอบสิงโตจากฟาร์มกระป๋องสี ไลออน ฟาร์ม จ.นครปฐม มาแสดงยืนยัน
แต่จากการตรวจสอบปรากฏว่าไมโครชิปไม่ตรงกัน และเจ้าของยังไม่มีการไปแจ้งครอบครองให้ถูกต้องตามกฎระเบียบการครอบครองสัตว์ป่าควบคุมประเภท ก. (สิงโต) จึงถือว่ามีความผิด พร้อมทั้งขออายัดสิงโตทั้ง 2 ตัว โดยมีแผนจะต้องทำการยิงยาสลบ เพื่อเคลื่อนย้ายไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง (เขาชีโอน)
สุดท้ายเจ้าของไม่ยอมเซ็นเอกสารยินยอมให้ทีมสัตวแพทย์ยิงยาสลบจนเจ้าหน้าที่ต้องยกเลิกภารกิจ พร้อมทั้งรอหมายค้นจากศาลจังหวัดพัทยา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอีกครั้งนั้น
วันนี้ (26 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ภา เจ้าของสิงโต เริ่มมีท่าทีที่อ่อนลงหลังมีเจ้าหน้าที่จากฟาร์มกระป๋องสี เข้ามาช่วยเจรจา โดยอ้างว่าสาเหตุที่ไม่ยอมให้ยิงยาสลบเพราะกลัวว่าสิงโตที่เลี้ยงมาจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ประกอบกับเลี้ยงมาตั้งแต่อายุประมาณ 20 วัน จึงเกิดความรักและไม่อยากเห็นสัตว์ที่เลี้ยงมาอย่างดีต้องทรมาน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนวิธีจากยิงยาสลบ เป็นการนำสิงโตเข้ากรงเพื่อรอการขนย้าย
โดยมี นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) และ พ.ต.อ.อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ นำหมายค้นเลขที่ 14/2567 ศาลจังหวัดพัทยาแสดงต่อ น.ส.ภา ก่อนนำกรงสิงโตขึ้นรถบรรทุกขนาดใหญ่ เคลื่อนย้ายไปที่ศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ป่าบางละมุง (เขาชีโอน)
และยังได้เชิญตัว น.ส.ภา ไปทำการสอบสวนก่อนแจ้งข้อกล่าวหาครอบครองสัตว์ป่าควบคุมประเภท ก. (สิงโต) โดยไม่มีการแจ้งต่อเจ้าพนักงาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) เผยว่า สาเหตุที่เจ้าของยังไม่ขึ้นทะเบียนครอบครองสัตว์นั้น ได้รับคำชี้แจงว่าเป็นเพราะที่ผ่านมายังหาซื้อบ้านและสถานที่เลี้ยงสิงโตไม่ได้ จึงต้องตระเวนเปลี่ยนที่อยู่บ่อยครั้ง และที่ผ่านมาเคยพยายามติดต่อขอขายสิงโตให้ผู้อื่นแต่ไม่มีใครกล้าซื้อ เพราะสิงโตยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน
โดยขณะนี้เจ้าของฟาร์มผู้เพาะเลี้ยง ได้ขอเจรจากับเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับสิงโตไปดูแลที่ฟาร์ม เนื่องจากมีสถานที่และจะทำบันทึกข้อตกลงให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเรื่องครอบครองสิงโตของเจ้าของใหม่นั้นให้เป็นเรื่องกฎหมาย
