อุดรธานี - อธิการบดี มรภ.อุดรธานีตั้งโต๊ะแถลงข่าวโต้ “ศรีสุวรรณ” หลังร้อง ป.ป.ช.กรณีให้สอบผู้บริหาร ม.ราชภัฏอุดรฯ ทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่ ชี้ข้อมูลที่ผู้ร้องมีอยู่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ยันพร้อมพิสูจน์ความจริง
จากกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่าสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามกฎหมายของ ป.ป.ช.หรือไม่ กรณีแต่งตั้งอดีตข้าราชการซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว ให้กลับมาเป็นผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และใช้อำนาจในการไปกำหนดภารกิจที่อาจมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผศ.ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล อธิการบดี, ผศ.ดร.ชาติชาย ม่วงปฐม รองอธิการบดี, ดร.เอกราช ดีนาง รองอธิการบดี และนายพิเชษฐ์ แย้มโคกสูง นิติกรปฏิบัติการ ได้แถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวต่อสื่อมวลชนจังหวัดอุดรธานี
ผศ.ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล อธิการบดี กล่าวว่า หลังมีการร้อง ป.ป.ช. ทางทีมผู้บริหารก็มีการทบทวนและพูดคุยกันว่าเราได้ดำเนินการตามข้อกล่าวหาแบบนั้นหรือเปล่า เท่าที่ดูเอกสารหลักฐานโดยสรุปแล้วมีข้อมูลอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ ผู้ที่นำข้อมูลไปให้กับผู้ร้องมีการเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อนค่อนข้างมาก ประเด็นที่ 2 คือข้อมูลที่เสนอไม่ครบถ้วน โดยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนนั้นเพราะหยิบยกข้อมูลบางประเด็นที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อน ประเด็นที่ผู้ร้องไปร้อง ป.ป.ช.นั้น ตนขออธิบายชี้แจงว่า
“มหาวิทยาลัยมีรายงานกับสภามหาวิทยาลัย และมีการตอบข้อซักถามและตอบข้อชี้แจงต่อสภามหาวิทยาลัยไปแล้ว ทุกประเด็นมีการบันทึกไว้ในรายงานสภามหาวิทยาลัย” ข้อสงสัยประเด็น “โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล (U2T) และโครงการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model)” จำนวนเงินที่ให้ไปไม่ถูกต้องแน่นอน งบประมาณนี้เราได้รับมาตั้งแต่ปี 2564 ต่อเนื่อง 65 และ 66 ในปี 64 งบประมาณโครงการ U2T ได้จากกระทรวง อว. ให้มหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัยดำเนินโครงการฯ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีได้รับเงิน 473 ล้านบาท ในปี 2565 เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ได้รับงบประมาณต่อเนื่อง 117 ล้านบาท ในปี 66 เป็นโครงการ BCG 500 ล้านบาท ตัวเลข 1,400 ล้านบาทตามที่ผู้ร้องบอกไปจริงแล้วคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง
ทั้งนี้ โครงการฯ ที่กล่าวมาเป็นโครงการฯ ที่ได้งบประมาณของแผ่นดิน หากคนเคยทำงานและรู้ระบบก็จะรู้ได้ว่างบประมาณแผ่นดินจะไม่สามารถที่จะหักค่าดำเนินการใดๆ ได้ สิ่งที่ผู้ให้ข้อมูลไปให้กับผู้ร้องถือว่าไม่เข้าใจระบบการบริหารงบประมาณ
ดร.เอกราช ดีนาง รองอธิการบดี ในฐานะโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล (U2T) และโครงการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) ของ ม.ราชภัฏอุดรธานี กล่าวว่า “ข้อกล่าวหาที่ว่าผู้บริหารโครงการฯ ร่ำรวยเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติหรือไม่ เพราะผู้บริหารบางรายสามารถปลดหนี้สินสหกรณ์ ซื้อบ้านใหม่ ซื้อรถหรู ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศได้” ขอชี้แจงว่า ตนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดาใช้ชีวิตปกติธรรมดา ต้องบอกก่อนว่าตนมีหนี้เยอะ เริ่มจากหนี้สหกรณ์ หลังธนาคารออกโครงการรวมหนี้ ตนก็เลยเข้าร่วมโครงการ
โดยกู้หนี้จากธนาคารมาปิดสหกรณ์ ตอนนี้ตนมีบ้าน 2 หลัง บ้านหลังที่ซื้อล่าสุดเป็นหลังที่ 2 ตอนนี้ยังผ่อนบ้านหลังที่ 2 อยู่เดือนละ 19,000 บาท ส่วนประเด็นรถหรูนั้นไม่ใช่รถหรูตามที่กล่าวอ้าง เป็นรถญี่ปุ่นยี่ห้อ Mazda ก่อนหน้าจะซื้อก็เอารถเก่า 2 คันที่มีอยู่ไปขายและเอาเงินมาดาวน์และตอนนี้ยังผ่อนโดยใช้เงินค่ารถประจำตำแหน่งเป็นเงินผ่อน
การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศนั้นเป็นแผนที่ตนวางไว้แล้ว โดยเอาเงินที่เราเก็บไว้และเงินที่เรากู้มาส่งลูกไป โดยลูกไปเรียนที่ต่างประเทศ และไม่ได้ไปเรียนแบบถาวรแต่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ซึ่งเดือนมิถุนายนนี้ลูกก็จะกลับมาเรียนตามปกติที่ประเทศไทย ถามว่าตนรวยขึ้นไหม ไม่จริง จริงๆ แล้วตนจนลงเพราะว่าหนี้เยอะขึ้น ในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการฯ เงินที่เหลือมายืนยันส่งคืนทั้งหมดไม่ได้เอามาเป็นเงินรายได้ ไม่ได้เอามาเป็นค่าตอบแทนผู้บริหารใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า “เป็นไปได้ไหมเป็นการร้องเพื่อให้ผู้บริหารเสียหายในช่วงที่ใกล้หมดวาระของผู้บริหารอีกเวลาปีกว่า” อธิการบดีตอบว่า ในฐานะอธิการบดีจะพูดอะไรออกไปต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง เราก็มาทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น มีสิทธิ์ที่อาจจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ก็ได้ เพราะถ้าเราสังเกตในแวดวงสถาบันอุดมศึกษา ก็จะมีเรื่องราวประเด็นแบบนี้ในช่วงใกล้หมดวาระและใกล้ช่วงสรรหาผู้บริหาร แต่ไม่ฟันธงใช่หรือไม่ใช่ เพราะเราจะพูดอะไรต้องมีข้อมูล ที่ได้พูดในวันนี้เป็นข้อมูลจริงที่เคยได้รายงานให้กับสภามหาวิทยาลัยฯ ไปแล้ว
หาก ป.ป.ช.มาสอบถามข้อมูลที่พูดทุกอย่างในวันนี้ก็จะเป็นข้อมูลที่ตรงกัน จริงๆ เราเคารพองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมหาวิทยาลัย เราพร้อมให้ตรวจสอบ ที่ออกมาชี้แจงครั้งนี้เพื่อแถลงข้อเท็จจริงและปกป้องมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ไม่รู้ว่าเจตนาของคนที่เอาข้อมูลให้ผู้ร้องต้องการอะไร “อยากจะบอกกับคนที่ทำเรื่องนี้ อยากให้ตระหนักสำนึกนิดหนึ่ง สิ่งที่คุณทำกำลังทำร้ายองค์กรคุณเอง ข้อมูลไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้องเสนอข้อมูลแค่บางส่วน คุณกำลังทำร้ายมหาวิทยาลัย ทำร้ายนักศึกษาและองค์กรของคุณเอง และบุคลากรของเรา