สระบุรี - เครือข่ายพลังงาน ภาครัฐและเอกชน 15 หน่วยงาน ร่วมบันทึกข้อตกลง (MOU) เปลี่ยนพลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City"
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานกล่าวถ้อยแถลงประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงาน ภาครัฐและเอกชน เพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City"
โดยมีนายธีรชัย พงศ์ติณบุตร พลังงานจังหวัดสระบุรี นำ 15 หน่วยงานประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือ และลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City" เพื่อผนึกกำลังร่วมกันพัฒนาแหล่งเก็บกักก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี
สืบเนื่องจากนโยบายภาครัฐให้ความสำคัญกับการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้บรรลุตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี พ.ศ.2561-2580 แผ่นพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และฉบับที่ 13 โดยกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2065
โดยจังหวัดสระบุรีได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน (PublicPrivate Partnership:PPP) ร่วมกันดำเนิน "โครงการจังหวัดต้นแบบ สระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ หรือ PPP-Saraburi Sandbox: A Low Carbon City" ผ่านโครงการต้นแบบตามกรอบความร่วมมือครอบคลุมด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ด้านกระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ ด้านการจัดการของเสีย ด้านเกษตร และด้านป่าไม้ และการใช้ประโยชน์ที่ดิน อันจะส่งผลให้จังหวัดสระบุรีเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนเมืองสระบุรีคาร์บอนต่ำ (SaraburiSandbox) เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ตามมติที่ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 จำนวน 15 หน่วยงาน จึงจัดให้มีการประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือ และลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ด้านการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาดขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City"
เพื่อผนึกกำลังร่วมกันพัฒนาแหล่งเก็บกักก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี มีหน่วยงานที่ร่วม MOU ประกอบด้วย สำนักงานจังหวัดสระบุรี สำนักงานพลังงานจังหวัดสระบุรี สำนักงานธนารักษ์พื้นที่สระบุรี สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสระบุรี สำนักงานขนส่งจังหวัดสระบุรี สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 3 (สระบุรี) โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาคลองเพรียว-เสาไห้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรีสำนักงานเทศบาลตำบลตะกุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสระบุรี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี หอการค้าจังหวัดสระบุรี หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)
นายบัญชา กล่าวว่า จังหวัดสระบุรี และภาคีที่ร่วมดำเนินการ 14 หน่วยงานขอประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงาน ภาครัฐและเอกชนเพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ "PPP-Saraburi Sandbox : A Low Carbon City" โดยมีกรอบความร่วมมือ 1.ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรม โรงงานและอาคารควบคุมที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535
2.ลดและเปลี่ยนถ่ายสู่พลังงานสะอาดในกิจกรรมของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคครัวเรือน และภาคเกษตรกรรม 3.ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคยานยนต์พลังงานสะอาด 4.ส่งเสริมการพัฒนา Grid Modernization Microgrid และการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (TPA) ในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายพลังงานสะอาดและสร้างเสถียรภาพในระบบ 5.ส่งเสริมโครงการต้นแบบอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในภาคธุรกิจขนส่งด้วยยานยนต์พลังงานสะอาด และนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้โครงการสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด
ส่วนแนวทางการขับเคลื่อน คือ 1.เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) ส่งเสริมการนำของเสียและพลังงานทดแทนในพื้นที่ มาใช้ประโยชน์ เช่น ก๊าชชีวภาพ (Biogas) ของเหลือใช้ทางการเกษตร ถ่านชีวมวล ไบโอชาร์ และพลังงานไฮโดรเจน 2.เศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมค้นคว้านวัตกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนแบบองค์รวม 3.เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Intelligent Economy) นำความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนทศมาอำนวยความสะดวกช่วยวางแผนพลังงาน
4.เศรษฐกิจร่วมใช้ประโยชน์ (Sharing Economy) ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ที่อิงกับการบริการ และความต้องการที่หลากหลายในพื้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า ประกาศเจตนารมณ์กรอบความร่วมมือระหว่างเครือข่ายพลังงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ลดโลกร้อน ขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ
โดยมีภาครัฐ และเอกชน เป็นผู้สนับสนุนแหล่งเงินทุน และสิทธิประโยชน์ผลักดันและส่งเสริมการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต และรับรองการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี ผ่านกลไกของภาครัฐ การสนับสนุนงบประมาณ ส่งผลให้จังหวัดสระบุรี สามารถขับเคลื่อนสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ สามารถเป็นต้นแบบการบูรณาการความร่วมมือลดก๊าซเรือนกระจก และขยายผลไปยังจังหวัดอื่น รวมทั้งสามารถตอบสนองแผนงานลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศได้ตามเป้าหมายต่อไป