ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “มทส.” โคราชเปิดตัว “เครื่องต้นแบบลดควันมลพิษ PM 2.5 ไอเสียรถยนต์ ด้วยพลาสมาไอออน” นวัตกรรมฝีมือคนไทย ต้นทุนต่ำ ผลิตได้เองในประเทศ ไม่กระทบเครื่องยนต์และติดตั้งง่ายที่ท่อไอเสีย ช่วยลดมลพิษทางอากาศได้จริง สภาอุตฯไทยพร้อมดันขยายผลสู่ภาคอุตฯยานยนต์หวังลดปัญหามลพิษเมือง
วันนี้ (27 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) รศ.ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดี มทส.เป็นประธานเปิดการแถลงข่าว ผลงานวิจัยและนวัตกรรม “เครื่องต้นแบบลดควันมลพิษ PM 2.5 จากไอเสียรถยนต์ด้วยพลาสมาไอออน (Plasma ION)” โดยมี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมชมสาธิตการทำงาน พร้อมผลักดันขยายผลสู่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่ง หวังเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหามลพิษทางอากาศ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมฝีมือคนไทย โดย รศ.ดร.ชาญชัย ทองโสภา อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มทส. และคณะนักวิจัย
รศ.ดร.ชาญชัย ทองโสภา นักวิจัย และอาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มทส. เปิดเผยว่า เครื่องต้นแบบลดควันมลพิษ PM 2.5 จากไอเสียรถยนต์ด้วยพลาสมาไอออน (Plasma ION)” ได้แนวคิดและพัฒนานวัตกรรมจากสภาพแวดล้อมทางอากาศในปัจจุบันเต็มไปด้วยมลพิษที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทั้งฝุ่นละอองและควันไอเสียจากยานยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และสิ่งแวดล้อมมากมาย ซึ่งประเทศไทยกำลังประสบปัญหาในขณะนี้
โดยหลักการทำงานของเครื่องคือ การสร้างสนามไฟฟ้าสถิตที่มีขั้วไฟฟ้าที่แตกต่างกันขึ้นมา ระหว่างควันมลพิษ PM 2.5 จากไอเสียรถยนต์กับแผ่นเพลตโลหะ ทำให้ควันมลพิษ PM 2.5 ถูกดูดมาติดที่แผ่นเพลตโลหะ
ทั้งนี้ จากการทดสอบค่าควันมลพิษ PM 2.5 ที่ปล่อยจากท่อไอเสียรถตู้ดีเซลขนาดเครื่องยนต์ 2,800 ซีซี อายุใช้งานประมาณ 5 ปี เมื่อติดเครื่องยนต์มีค่าอยู่ที่ประมาณ 2,200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อทำการเปิดเครื่องพลาสมาไอออน พบว่าค่าลดลงมาเหลือประมาณ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากนั้นปิดเครื่องพลาสมาไอออน พบว่าค่าเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับเดิม และเมื่อดับเครื่องยนต์ ค่ากลับมาอยู่ที่ 0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แสดงผลได้ว่าเครื่องพลาสมาไอออนช่วยลดค่าควันมลพิษ PM 2.5 ที่ปล่อยออกมาจากท่อไอเสียรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับการติดตั้งเครื่องพลาสมาไอออน (Plasma ION) จะทำการติดตั้งต่อโดยตรงที่ท่อไอเสียหรือแทนที่ท่อพักของไอเสียรถยนต์ จึงไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์ อีกทั้งยังมีราคาถูกผลิตได้เองภายในประเทศ สะดวก ดูแลรักษาง่าย ถอดไส้กรองล้างทำความสะอาดได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ภาคอุตสาหกรรมด้านการขนส่งและด้านยานยนต์ เพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การปรับแปลง ถ่ายทอด และพัฒนาเทคโนโลยี พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ต่อยอดผลงานวิจัยเพื่อการพัฒนาไปด้วยกัน คาดหวังว่าช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมืองใหญ่อีกทางหนึ่ง
ด้าน รศ.ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดี มทส. เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน หรือ Innovation and Sustainable University” ตามยุทธศาสตร์การบริหารงาน SUT2025 ที่มุ่งเน้นการสร้างคน สร้างองค์ความรู้ สร้างนวัตกรรม และสร้างผู้ประกอบการเพื่อพัฒนากำลังคนในอนาคต ผลิตผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังมุ่งสู่เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals: SDGs เพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายของสังคมโลก
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว นักวิจัย มทส. นำโดย รศ.ดร.ชาญชัย ทองโสภา อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มทส. ได้มุ่งไปที่ต้นเหตุสำคัญของฝุ่น PM 2.5 ในเมืองใหญ่ นั่นคือการใช้รถยนต์ การเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านพลาสมาไอออน (Plasma ION) มาประยุกต์ใช้จนประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สามารถผลิตเป็นเครื่องต้นแบบพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรมและผู้สนใจ หวังเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหามลพิษของเมืองต่อไป
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยบทบาทของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่จะเป็นแกนเชื่อมโยงกลไกความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ รวมไปถึงผู้บริโภคและผู้ประกอบการอื่นๆ ผ่านคณะกรรมการฯ กลุ่มอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะการประสานความร่วมมือด้านต่างๆ กับภาครัฐ และภาคการศึกษา ที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน ผ่านกองทุนนวัตกรรม (Innovation Fund) เป็นการสร้างกำลังคนคุณภาพ คู่ขนานไปกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้เข้มแข็งไปด้วยกัน
การได้มีโอกาสรับชมความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมช่วยลดควันมลพิษ PM 2.5 จากไอเสียรถยนต์ของคณะนักวิจัย มทส.ในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นที่เข้ามาช่วยลดปัญหามลภาวะของเมืองอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมาทางเอกชนเราเองได้มีความพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานภาครัฐมาโดยตลอด จากผลสำเร็จในครั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันเพื่อให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ และขยายผลความร่วมมือในอนาคตระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กับกลุ่มอุตสาหกรรมด้านการขนส่ง ด้านยานยนต์
"เชื่อมั่นว่านวัตกรรมชิ้นนี้จะสามารถต่อยอดสู่สังคมในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น BCG model การมุ่งสู่ความยั่งยืน SDGs การถ่ายทอดองค์ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของสังคมไทยต่อไป" นายเกรียงไกรกล่าวในตอนท้าย