มุกดาหาร-ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 แถลงจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ กว่า 1,200,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 6 คนและรถยนต์ 2 คัน สารภาพได้ค่าจ้างขนยา 5,000 บาท ให้ไปส่งที่อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทำมาแล้ว 3 ครั้ง
วันนี้ (21 ธ.ค.) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร, พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร, พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทธา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร, พ.ต.อ.กิตเตชิษฐ์ บำรุง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร, พ.ต.อ.พิทักษ์พงศ์ เจริญกุล ผกก.ตม.จังหวัดมุกดาหาร และฝ่ายปกครอง กอ.รมน. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ตชด.234 ร่วมกันแถลงข่าวจับยึดยาบ้า 1,200,000 เม็ด
พร้อมด้วยผู้ต้องหา 6 คน ประกอบด้วย 1.นายวริทธิ์ธร ชายกวด อายุ 20 ปี ชาว ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม 2.นายยุทธนา ชมจันทร์ อายุ 28 ปี ชาวต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม 3.นายธนบดี นันทะพา อายุ 17 ปี ชาวต.ธาตุพนมเหนือ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม, 4.นายสารัตน์ สมเพียรพาร อายุ 23 ปี ชาวต.ธาตุพนมเหนือ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม 5.นายธนาธิป ปุยภูเขียว อายุ 27 ปี ชาวต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และ6.น.ส.สุกัญญา เชื้อตาโคตร อายุ 19 ปี ชาวต.คำพี้ อ.นาแก จ.นครพนม
ของกลางประกอบด้วยรถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ขภ- 5367 กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ- 214 นครพนม จำนวน 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง
สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ โพธิ์จันทร์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรนิคมคำสร้อย และพ.ต.ต.ประดิษฐ์ วงชารี สวป.สภ.นิคมคำสร้อย ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ว่าจะมีขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนมาก ผ่านมาในพื้นที่รับผิดชอบสภ.นิคมคำสร้อย โดยใช้รถยนต์เก๋ง 2 คัน คันแรกเป็นรถยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 1ขภ - 5367 กรุงเทพมหานคร ใช้ขับนำหน้าตรวจเส้นทาง
อีกคันเป็นรถยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ทะเบียน กจ - 214 นครพนม ใช้ขนลำเลียงยาเสพติด โดยใช้เส้นทาง อ.เมืองมุกดาหาร มุ่งหน้าไป อ.เลิงนกทาง จ.ยโสธร แล่นผ่านพื้นที่ อ.นิคมคำสร้อย จึงได้รายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ และนำกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณตู้ยามโชคชัย ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย
ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 20 ธ.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกกัดอยู่นั้น ได้มีรถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 1ขภ- 5367 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถเป้าหมายตามที่ได้รับแจ้ง ขับขี่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเรียกตรวจค้น พร้อมกับขอตรวจปัสสาวะ บุคคลที่อยู่ภายในรถคันดังกล่าว คือนายยุทธนา ชมจันทร์ ผู้ขับขี่ นายสารัตน์ สมพารเพียร และนายธนบดี นันทะพา ผู้ที่โดยสารมากับรถคนดังกล่าว
ระหว่างทำการตรวจค้นอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สังเกตุเห็นว่านายสารัตน์ สมพารเพียร กำลังใช้โทรศัพท์ติดต่อกับบุคคลอื่น จึงได้ขอตรวจสอบโทรศัพท์ พบว่ามีการแชทสนทนากับนายวริทธิ์ธร หรือโบ๊ท ชายกวด ทางแอพพลิเคชั่นแมสเซนเจอร์ ซึ่งนายสารัตน์ ได้แจ้งนายวริทธิ์ธร ว่ามีด่านอยู่ด้านหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นความพิรุธ จึงได้ซักถามนายสารัตน์ ในเรื่องดังกล่าว ก็ได้ความว่านายยุทธนา กับพวก ได้ขับรถนำทางให้นายวริทธิ์ธร ซึ่งขนยาเสพติดมาภายในรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ทะเบียน กจ -214 นครพนม
ขณะเดียวกันก็พบว่ารถคันดังกล่าว แล่นผ่านหน้าตู้ยามพอดี ซึ่งเมื่อสังเกตุจากภายนอก พบว่ารถคันดังกล่าวมีคนในห้องโดยสารทั้งหมด จำนวน 3 คน และมีสิ่งของขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ภายในรถ พ.ต.ต.ประดิษฐ์ จึงได้นำกำลังไล่ติดตามไปและสามารถควบคุมรถคันดังกล่าวและผู้ขับขี่ คือนายวริทธิ์ธร พร้อมผู้โดยสารอีก 2 คน คือนายธนาธิป ปุยภูเขียว กับน.ส.สุกัญญา เชื้อตาโคตร เอาไว้ได้บริเวณถนนชยางกูร หน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาเลิงนกทา เมื่อทำการตรวจค้นภายในรถ ก็พบกระสอบพลาสติกสีดำขนาดใหญ่พันด้วยเทปกาวสีเหลืองจำนวน 3 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสารตอนหลัง
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามนายวริทธิ์ธรกับพวก ให้การรับสารภาพว่าเป็นกระสอบบรรจุยาบ้า เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมาที่ตู้ยามโชคชัย พร้อมทำการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 3 กระสอบดังกล่าวได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ พฐ.จ.มุกดาหาร เก็บพยานหลักฐานและทำการตรวจนับโดยละเอียด
จากการสอบถามผู้ต้องหา 1 ใน 6 คน ให้การว่าได้รับค่าจ้างจำนวน 5,000 บาท ให้ไปส่งที่อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ และได้ทำมาแล้ว 3 ครั้ง จนมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องที่ 1-6 ว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันมีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ก่อนนำตัวงพนักงานสอบสวน สภ.นิคมคำสร้อย เพื่อดำเนินคดีการตามกฎหมายต่อไป