มุกดาหาร-“ลุงพล-ป้าแต๋น”พร้อมทีมทนายความแถลงข่าวพร้อมสู้ต่อในศาลชั้นอุทธรณ์ ลั่นศาลเดียวไม่จบแน่นอน ขอบคุณสำหรับผู้ใหญ่ใจดีและเอฟซีทั่วโลกที่ให้กำลังใจมาตลอด ส่วนแนวทางต่อสู้ทางคดีเป็นเรื่องของทีมทนายความ
เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.วันนี้(20ธ.ค.)ที่โรงแรมริเวอร์ฟร้อนท์ จ.มุกดาหาร ทีมทนายความพร้อมนายไชย์พล วิภาและนางสมพร หลาบโพธิ์ ได้เปิดห้องแถลงข่าวเพื่อประกาศขอต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ภายหลังเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ศาลจังหวัดมุกดาหารได้พิพากษาจำคุกนายไชย์พล เป็นเวลารวม 20 ปี ในฐานความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควรอีก 10 ปี ซึ่งศาลให้นายไชย์พลประกันตัววงเงิน 5 แสนบาท
ตอนหนึ่งของการแถลงข่าวนายไชย์พล หรือลุงพลได้กล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีและเอฟซีทั่วโลก รวมทั้ง ยูทูปเบอร์ที่ที่เป็นกำลังใจให้ตลอด และน้อมรับคำตัดสินของศาลชั้นต้น ลุงได้รับคำสั่งศาลออกมาเรียบร้อย ลุงกับป้ายืนยันว่าไม่ได้กระทำให้น้องเสียชีวิต
ขณะที่นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ภรรยานายไชย์พล กล่าวว่า ขอบคุณเอฟซีทุกท่าน ที่ให้กำลังใจลุงพลกับป้าแต๋น ทุกคนเข้าใจถ้าเป็นเอฟซี ศาลยังไม่จบ ยังไปถึงสองถึงสาม พร้อมต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป สำหรับเรื่องความรู้สึก ป้าแต๋นน้อมรับคำตัดสินของศาล พร้อมต่อสู้ต่อไป เป็นเรื่องของทนายความที่จะต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์และชั้นฏีกา พร้อมสู้ทั้ง 3 ศาล
ด้านนายสุรชัย ชินชัย ทนายความนายไชย์พล เปิดเผยว่า ค่าปลงศพทางผู้เสียหายเรียก 300,000 บาท ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ 150,000 บาท ส่วนค่าชดใช้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์บิดามารดาเรียกมา 5 ล้านบาท ศาลก็ใช้ดุจพินิจเด็กมีชีวิตอยู่ ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา 60,000 บาท รวมเฉพาะค่าเลี้ยงดู ในส่วนนี้ใช้ชดใช้ 1,020,000 บาท (หนึ่งล้านสองหมื่นบาท) ในส่วนนางสมพรฯ ข้อหาเดียวคือ อำพรางซ่อนเร้นศพ ป.วิอาญา ม.150 เป็นการยกฟ้อง
ส่วนขบวนการต่อไปที่จะเขียนคำอทธรณ์โต้แย้งคัดค้านให้เป็นเหตุเป็นผลให้เห็นว่าพยานที่กล่าวมามีข้อพิรุธสงสัย เป็นหน้าที่ของคณะทนายความที่จะทำคำอุทธรณ์ยื่นต่อศาลภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้
นายสุรชัยบอกอีกว่า ตอนนี้เหมือนชกยกแรก ลุงพลไม่ใช่คนโหดร้าย มั่นใจว่าเราสู้ได้ เพราะในคำพิพากษา ตอนท้าย มีความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร ตรวจสำนวนและทำความเห็นแย้งว่า พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีข้อสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 เห็นควรพิพากษายกฟ้อง จึงให้รวมไว้ในสำนวน ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 (1)